Rainier Cherry หรือเชอร์รีสีทอง เป็นหนึ่งในสายพันธุ์เชอร์รี ที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยลักษณะที่โดดเด่น สีเหลืองทอง ผสมกับสีแดงอ่อน รสชาติที่หวานฉ่ำ และเนื้อที่นุ่ม ทำให้เชอร์รีสีทอง เป็นที่ต้องการ ของตลาดผลไม้ระดับ Premium ทั่วโลก
เชอร์รีสีทอง ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรก ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันในปี 1952 โดย Harold Fogle และได้รับการตั้งชื่อตามภูเขา Rainier ในรัฐวอชิงตัน เป็นผลจากการผสมพันธุ์ ระหว่างสายพันธุ์ Bing และ Van ซึ่งทั้งสองนี้มีรสชาติหวาน และเป็นที่นิยมอยู่แล้ว ผลลัพธ์คือ เชอร์รี่ที่มีลักษณะเฉพาะตัว ทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ และรสชาติ
เชอร์รีสีทอง ไม่เพียงมีรสชาติหวานอร่อย และเนื้อสัมผัส ที่นุ่มและฉ่ำ แต่ยังเป็นแหล่งรวม ของสารอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างมากมาย
การทานเชอร์รีสีทอง จึงไม่เพียงแต่ช่วย ให้รู้สึกถึงความสดชื่น จากรสชาติหวาน อมเปรี้ยว แต่ยังช่วยให้รับประโยชน์ จากสารอาหาร ที่หลากหลาย ซึ่งมีผลดี ต่อสุขภาพร่างกาย
เชอร์รีสีทอง มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากรสหวาน และมีความฉ่ำน้ำสูง ทำให้รสชาติละมุนลิ้น และมีความพิเศษ กว่าเชอร์รี่สายพันธุ์อื่นๆ แต่รสชาติจะไม่เข้มข้น เท่าเชอร์รีสีแดงทั่วไป [1] เนื้อของเชอร์รีสีทอง นุ่ม และมีความกรอบเล็กน้อย เมื่อกัดเข้าไป จะรู้สึกถึงความสดชื่น และหวานละมุน
เชอร์รีสีทอง สามารถรับประทานสดๆ เพื่อเพลิดเพลิน กับรสชาติหวาน และความสดชื่น นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในการทำขนม Cake เช่น Cherry Cheesecake หรือ Cherry Tart และยังเหมาะสำหรับ การทำเป็น Jam หรือ cherry sauce เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร หรือของหวานต่างๆ
ในการเลือกซื้อ เชอร์รีสีทอง ควรเลือกผล ที่มีสีสันสวยงาม ไม่มีรอยช้ำ และยังสดใหม่ ควรเก็บในที่เย็น และแห้งหลังจากซื้อมา เพื่อรักษาความสด และรสชาติ ข้อควรระวังคือ อาจมีผู้ที่แพ้ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับฟันและเหงือก ควรรับประทาน อย่างพอเหมาะ
เชอร์รีสีทอง เป็นเชอร์รี ที่ไม่เพียงแต่มีสีสันที่แปลกตา แต่ยังมีรสชาติที่โดดเด่น เป็นสัญลักษณ์ ของความสำเร็จ ในการผสมพันธุ์ผลไม้ ที่มีทั้งรสชาติ และคุณภาพเหนือชั้น เชอร์รีสีทอง คุ้มค่าแก่การลิ้มลองสักครั้งในชีวิต
[1] jumbostrawberry. (July 28, 2017). รีวิว เชอร์รี่สีทอง. Retrieved from jumbostrawberry