Kale สุดยอดผักใบเขียวสารอาหารครบ

Kale หรือคะน้าเคล เป็นหนึ่งในผัก ที่มีชื่อเสียงในวงการสุขภาพ และโภชนาการ เนื่องจากมีสารอาหารที่หลากหลาย และประโยชน์มากมายต่อร่างกาย ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งผักใบเขียว" [1] และเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Cruciferous ที่รวมถึงบรอกโคลี และกะหล่ำปลี

Kale คืออะไร

เคล เป็นผักใบเขียว ที่มีต้นกำเนิดจาก Europe และ Asia โดยมีประวัติการปลูก ที่ยาวนานหลายศตวรรษ มีลักษณะใบหยัก และสีที่หลากหลาย ตั้งแต่เขียวจนถึงม่วงเข้ม ผักเคล มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก รวมทั้ง Vitamin A, Vitamin C, Vitamin K และแร่ธาตุอย่าง Iron และcalcium

Kale ประโยชน์

คะน้าเคล เป็นหนึ่งในผักใบเขียว ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ด้วยสารอาหารหลากหลาย ที่มีอยู่ภายในใบ เคลได้รับการยกย่องว่าเป็น "Super Food " ในหมู่ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ นี่คือสารอาหาร และประโยชน์หลักๆ ของผักเคล

• Vitamin K เคลเป็นแหล่ง Vitamin K ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมีความสำคัญ ในกระบวนการ การแข็งตัวของเลือด และช่วยในการรักษากระดูก ให้แข็งแรง
• Vitamin A มี Beta carotene ซึ่งร่างกายสามารถ เปลี่ยนเป็น Vitamin A ช่วยในการรักษาสุขภาพของผิวพรรณ การมองเห็น และการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกัน
• Vitamin C เป็นแหล่ง Vitamin C ที่ดี ช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การผลิต Collagen และการดูดซึมเหล็ก
• แร่ธาตุ อุดมไปด้วย Calcium และ Potassium  ช่วยในการรักษาสุขภาพกระดูก และการทำงานของกล้ามเนื้อ รวมถึงมีเหล็ก ที่ช่วยป้องกันโลหิตจาง
• มี Fiber สูง ช่วยในการย่อยอาหาร ลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
• สารต้านอนุมูลอิสระ มีสารประกอบพฤกษเคมี เช่น Flavonoids และ polyphenols ที่ช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิด
• สุขภาพตา สารประกอบเช่น Lutein และ Zeaxanthin ที่พบในเคล ช่วยปกป้องตา จากความเสียหายที่เกิดจากแสง UV

Kale รสชาติ

เคล เป็นหนึ่งในผักใบเขียว ที่มีรสชาติ และเนื้อสัมผัสที่เฉพาะตัว ซึ่งทำให้เป็นที่นิยม ในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบการกินอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยลักษณะเหล่านี้ ผักเคล จึงสามารถนำไปใช้ ในเมนูอาหารได้หลากหลาย ตั้งแต่สลัด ไปจนถึงอาหารปรุงสุก

• รสชาติ

เคล มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ คือมีรสเข้มข้น และขมเล็กน้อย ซึ่งความขมนั้นสามารถลดลงได้ ด้วยการปรุงอาหารหรือการนวดใบ Kale ด้วยมือ ก่อนทำสลัด เพื่อให้เนื้อสัมผัสนุ่มขึ้น และรสชาติอ่อนลง ความขมของ Kale ทำให้เข้ากันได้ดี กับส่วนผสมที่มีรสหวาน หรือเปรี้ยว เช่น ผลไม้ หรือน้ำสลัดที่มีความหวาน

• เนื้อสัมผัส

เคลมีใบที่หนา และหยัก ซึ่งให้เนื้อสัมผัสที่กรอบ เมื่อรับประทานสด และเมื่อปรุงสุก เนื้อใบจะนุ่ม และมีความเหนียวเล็กน้อย ความกรอบของใบเคลสด ทำให้เหมาะสำหรับการทำสลัด ในขณะที่เนื้อใบที่นุ่มหลังจากปรุงสุก เหมาะสำหรับการเติมเข้าไปในซุป หรือผัดกับอาหารอื่นๆ

Kale ข้อแนะนำ

เคล สามารถใช้ในการปรุงอาหาร ได้หลากหลาย เช่น ทำเป็นสลัด ใส่ใน Smoothies หรือปรุงเป็นอาหารจานเดียว เช่น ซุปหรือผัด การนำผักเคลมาใช้ในอาหาร จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และเพิ่มรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับอาหาร และนี่คือข้อแนะนำ

• นวดใบเคล สำหรับการทำสลัด นวดด้วยมือ เพื่อให้เนื้อสัมผัสนุ่มขึ้น และลดความขม
• ผสมผสานรสชาติ: ผสมเคล กับส่วนผสมที่มีรสหวาน หรือเปรี้ยว เช่น Apple หรือน้ำส้ม เพื่อสร้างสมดุลรสชาติ
• ใช้ปรุงสุก นอกจากการกินสดแล้ว ยังสามารถนำ Kale ไปผัด ต้ม หรืออบ เพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย

ผัก Kale ข้อควรระวัง

ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อม Thyroid ควรระมัดระวังในการทานเคล และผักสกุล Cruciferous อื่นๆ เนื่องจากสาร Goitrogens ที่อาจส่งผล ต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ นอกจากนี้ ควรล้างผักเคล ให้สะอาดเพื่อลดการปนเปื้อนของสารเคมี

สรุป Kale

Kale เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นที่นิยม ในหมู่ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ ด้วยความหลากหลาย ในการปรุง และประโยชน์มากมาย ทำให้เคล เป็นผักที่ควรมีอยู่ในอาหารประจำวัน การเพิ่มเคล เข้ากับอาหารต่างๆ ไม่เพียงแต่เพิ่มคุณประโยชน์ ทางโภชนาการ แต่ยังช่วยเพิ่มรสชาติ และเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ให้กับทุกคนในครอบครัว

อ้างอิง

 [1] barramepirun. (February 26, 2021). 10 ข้อควรรู้ ที่ทำให้เคลเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการ. Retrieved from barramepirun