เนื่องจาก Mohgwyn Palace ดินแดนใต้พิภพ นั้นถือว่าเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย รวมถึงเหล่ามอนสเตอร์ ที่มีความเก่งกาจมากขึ้นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นแล้วการที่จะไป ดินแดนแห่งนี้ได้ควรจะมีเลเวลที่มากพอสมควร เพื่อการเผชิญหน้ากับบอสและมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่า อย่างเท่าเทียม
ซึ่งดินแดนแห่งนี้นั้นจะประกอบไปด้วย ตำแหน่งของพระราชวังของ ม็อก ราชาโลหิต โดยจะมีชิ้นส่วนแผนที่ให้เก็บเพื่อเปิดการมองเห็นนั้นเอง โดยจะรวมไปถึงเหล่า พ่อค้า, ไอเทม และ อุปกรณ์อื่นๆอีกมากมาย โดยภูมิศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้นั้นจะอยู่ใต้คาเอลิด
โดยจะเป็นการกล่าวถึงพื้นที่แห่งนี้ไว้ว่า เป็นพื้นที่ ที่ลึกลงไปพร้อมกับความมืดมิดอันไร้แสงใดๆ ที่จะส่องลงมาได้ ซึ่งจะทำให้ได้เจอกับศพมากมาย ที่ทางขึ้นไปยังพระราชวังของ ม็อก ราชาโลหิต ทำให้เห็นถึงดินแดนแห่งความอันตรายและเลือดโลหิต สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ eldenring.wiki
ซึ่งวิธีที่จะไปได้ทั้ง จะสามารถเลือกได้ 2 วิธี โดยในวิธีแรกนั้นจะเป็นการทำภารกิจของ วาร์เร แต่ด้วยวันนี้ทางเราจะมาแนะนำ การไปยังดินแดนแห่งนี้ด้วย ประตูเทเลพอร์ต ซึ่งจะจำเป็นที่ต้องผ่านช่วงต้นเกม และ กลางเกมมาให้ได้ก่อน
วิธีไปยังในพื้นที่ของ พระราชวังของ ม็อคราชาโลหิต นั้นจะต้องมุ่งหน้าไปยัง ทุ่งหิมะศักดิ์สิทธิ์ โดยหลังจากนั้นก็ให้ไปยังทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเมื่อเข้าใกล้จุดที่มีหมีขนาดใหญ่อยู่ก็จะทำให้ เจอกับประตูเทเลพอร์ต ที่สามารถส่งไปยังแดนใต้พิภพได้ [1]
ซึ่งการทำ เควสวาร์เร นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีก็ได้เช่นกัน เพราะด้วยรางวัลที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธจากวาร์เร ที่มีนามว่า ช่อดอกไม้วาร์เร ซึ่งไม่หมดเท่านั้นยังมีเครื่องแต่งกายอย่าง หน้ากากขาววาร์เรอีกด้วย จะทำให้ผู้สวมใส่ ได้รับค่าสถานะเลือดออกเพิ่มขึ้น
นอกจากรางวัล ก็ยังทำให้ผู้เล่นสามารถมุ่งหน้าไปยังดินแดนใต้พิภพของ ม็อคราชาโลหิต ได้อีกด้วย เพราะด้วยในดินแดนที่วาร์เรส่งให้มานั้น จะมีความพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดฟาร์มไก่ ที่สามารถฟาร์มเลเวลได้ไม่อั้น รวมถึงเถ้าสงครามหายากอย่าง โลหิตฟาดฟัน เป็นต้น ถือว่ามีข้อดีอย่างมากสำหรับการทำเควสนี้
ซึ่งอย่างที่บอกไป ในดินแดนของม็อกนั้นจะมีจุดที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น จุดฟาร์มเลเวลไม่อั้น รวมถึงจุดเก็บเถ้าสงครามหายาก พร้อมกับพื้นที่ที่เก็บหน้ากากขาวของวาร์เร โดยผู้คนส่วนใหญ่ที่ชื่นชอบการเล่น เกมเอลเดนริง
นั้นจะชอบจุดฟาร์มของ ราชาม็อก เพราะด้วยจะเป็นจุดฟาร์มที่แห่งนั้น จะเป็นจุดฟาร์มที่เหล่ามอนสเตอร์จะไม่โต้กลับ แถมยังได้รูนที่เยอะอีกด้วย ซึ่งในบริเวณนี้นั้น จะเป็นจุดยิงไก่ยักษ์ ที่เรียกว่า จุดฟาร์มไก่ จากนั้นไก่ตัวนั้นก็จะตกลงมาเสียชีวิตทันที ซึ่งจะทำให้ได้รับรูนมหาศาลเลยทีเดียว
โดยการปราบ ม็อคราชาโลหิต นั้นจำเป็นจะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์มาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ด้านป้องกัน หรือ อุปกรณ์ด้านการสร้างดาเมจ ซึ่งทางเราจะมาแนะนำ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมตามดังนี้
ที่มา: วิธีปราบบอส Elden Ring : Mohg, [2]
โดยรางวัลที่จะได้ในการ ไปดินแดนแห่งนี้ของม็อกนั้นจะมีทั้ง รางวัลที่ได้จากภารกิจของวาร์เร รวมถึงไอเทมต่างๆที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งจะมีเถ้าสงคราม โลหิตฟาดฟัน และ เครื่องแต่งกายจองวาร์เร ซึ่งถ้าเหล่าผู้เล่นสามารถเอาชนะ ราชาโลหิตได้
ก็จะสามารถเอา เศษซากความทรงจำ ของม็อกมาแลกเป็นไอเทมประจำตัวบอสนั้นๆได้ โดยจะมีทั้ง อาวุธสายเลือดออก อย่าง หอกศักดิ์สิทธิ์ของม็อก รวมถึง มนตราสาดโลหิต เป็นอาวุธที่โดดเด่นสำหรับ ผู้เล่นสายเลือดออกเป็นอย่างยิ่ง [3]
สรุป ดินแดนใต้พิภพ โดยทางเราก็ได้อธิบายเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่การปกครองของม็อกราชาโลหิต แถมยังมีการไปที่ยากมากอีกด้วย โดยจะเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย โดยทางเราก็ได้บอกถึงวิธีไป และ รางวัลต่างๆที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ รวมถึงจุดที่น่าสนใจอีกด้วย
[1] polygon. (June 21, 2024). How to get to. Retrieved from polygon
[2] gamingdose. (April 14, 2022).วิธีปราบบอส Elden Ring : Mohg,. Retrieved from gamingdose
[3] wotpack. (2024). Elden Ring: ความทรงจำ. Retrieved from wotpack
เนื่องจาก Limgrave ดินแดนเอลเดนริง เป็นถิ่นฐานที่เริ่มต้น เพราะด้วยเป็นจุดแรกที่เหล่าผู้เล่น สามารถออกไปผจญภัย ในจุดที่น่าสนใจอีกมากมาย พร้อมกับอาวุธที่จัดอยู่ในระดับตำนาน ซึ่งเป็นอาวุธที่เหมาะกับช่วงต้นเกม และ ได้ง่ายอย่างยิ่ง
อธิบายเกี่ยวกับ ลิมเกรฟ (Limgrave) ที่จะเป็นภูมิภาคที่เป็นจุดหมายแรกของเหล่าผู้เล่นที่ก้าวมาสู่ดินแดน เกมเอลเดนริง เป็นพื้นที่แรกที่เข้ามาสู่เกมเอลเดนริง โดยทางผู้เล่นจะออกมาจากสุสานใต้ดิน จากนั้นก็จะออกมาสัมผัสสภาพแวดล้อม และทิวทัศน์อันเขียวชอุ่ม
และกว้างใหญ่ พร้อมกับต้นไม้สีทอง และหญ้าสูงสง่า รวมถึงเหล่าสัตว์ตามระบบนิเวศ อาหารอันอุดมสมบูรณ์ สำหรับเหล่าสัตว์ป่าในท้องถิ่น เช่น หมูป่า, แกะ, แพะ และสัตว์ฟันแทะ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ที่บินได้ เช่น นกอินทรี และนกฮูก สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ eldenring.wiki
ดินแดนเอลเดนริง โดยสิ่งที่จะจำเป็นช่วงต้นๆของเกมนั้น จะมีเรื่องของชิ้นส่วนแผนที่ และแหวนที่สามารถเรียกม้ามาขี่ได้ เพราะฉะนั้น จึงจะมีความสำคัญอย่างมากในการสำรวจพื้นที่อื่นๆ โดยจะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ในการเผชิญหน้า หรือ สำรวจไปยังในพื้นที่อื่นๆ
ซึ่งถ้าเป็นเรื่องของ ชิ้นส่วนแผนที่ นั้นจะมีความสำคัญ ในการเปิดมุมมองของแมพ เพื่อที่จะให้ผู้เล่นสามารถได้ออกสำรวจสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของบอส และพื้นที่ดันเจี้ยน พร้อมกับค้นหาสิ่งมีค่าต่อเหล่าผู้เล่นอย่างอาวุธ และ เครื่องรางต่างๆ
ซึ่งจะจำเป็นที่ต้องไล่เก็บ แผนที่เป็นอย่างแรก เพื่อเปิดการมองเห็นในแมพ โดยจะเรียกศิลาชิ้นแผนที่ โดยสองแผนที่ที่จะอยู่ทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ซึ่งชิ้นแรกนั้นจะอยู่ที่บริเวณจุดพรค่ายหน้าด่าน จากนั้นก็ให้ขี่ม้าผ่านค่ายทหาร ซึ่งบริเวณค่ายนั้นจะมีแท่นเสาหินให้เก็บแผนที่อยู่ 1 ชิ้น
โดยชิ้นสองจะมุ่งไปทางใต้ ของลิมเกรฟสู่คาบสมุทรร้องไห้ หลังจากที่ก้าวสู่สะพานข้ามไปบริเวณคาบสมุทรร้องไห้ แล้วนั้นก็จะเห็นจุดพ่อค้าที่ขายของ ซึ่งจะบริเวณตรงข้ามก็จะมีเสาหิน เพื่อให้เก็บชิ้นส่วนแผนที่ เพื่อการเปิดการมองเห็นของผู้เล่น [1]
โดยจะมีทั้ง จุดที่ซ้อนอาวุธ และ ไม้คาถา รวมถึง เครื่องรางเลือดออก และ เถ้าสงคราม ซึ่งจุดแรกที่น่าสนใจ อย่างปราสาทสตอร์มเวล และ เควสวาร์เร รวมถึงบอสอีกมากมาย อย่างบอสองครักษ์ต้นไม้ ง้าวทอง, มังกรบิน อาฮีล มังกรหัวใจ, นิ้วเปื้อนเลือด เนจิรุสรุกราน
โดยจะมีดันเจี้ยนที่น่าสนใจอย่าง ถ้ำแห่งความรู้ (บทช่วยสอน) ปราสาทกอดริก, หลุมศพของฮีโร่กลุ่มคนริมฝั่ง, เฮนริคัสผู้ไม่ยอมเชื่อฟัง (บุก) ยันต์ซัมมิต, สุสานใต้ดินแห่งความตาย นักฆ่ามีดดำ, โกเล็ม ชัมเชียร์ ผู้พิทักษ์ถ้ำไฮโรด เป็นต้น [2]
ซึ่งทางเราจะมาแนะนำ เกี่ยวกับอาวุธชั้นเลิศ ที่สามารถเก็บได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกม ของพื้นที่ลิมเกรฟ ซึ่งจะมีอาวุธที่ทางเราหยิบมาแนะนำเพียง 2 อย่างเท่านั้น ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ถือว่าจะสามารถได้มาอย่างง่าย โดยจะมีตามดัง
โดยจะมีเถ้าสงคราม ที่น่าสนใจอย่างเถ้าสงครามที่เน้นสายเลือดออก โดยจะสามารถเก็บได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกม แถมยังมีความเก่งกาจ ในเรื่องของสถานะที่ผิดปกติอีกด้วย จะเป็นเถ้าสงครามที่สามารถเคลือบดาบตนเอง ให้มีดเลือดติดตรงใบดาบอีกด้วย
โดยจะชื่อว่า บลัดดี้สแลช นั้นจะอยู่ปราสาทเฮท โดยจะต้องเข้าต่อสู้กับทหารโล่ ที่มีหอกเป็นอาวุธ แถมยังมาพร้อมกับเหล่าลูกน้อง 2 ตน โดยหลังจากที่ปราบได้แล้วนั้น จะได้รับเป็นเถ้าสงครามตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้นเอง [3]
สรุป Limgrave ดินแดนเอลเดนริง นั้นเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อเหล่าผู้เล่นในช่วงต้นเกม เป็นอย่าง เพราะด้วยจะมีอาวุธและ เถ้าสงครามให้เก็บมากมาย ซึ่งทางผู้เล่นนั้นก็ควรที่จะเก็บชิ้นส่วนแผนที่ เพื่อเปิดการมองเห็น โดยทางเราก็ได้อธิบายถึงวิธีต่างๆไปหมดแล้ว
[1] polygon. (March 30, 2022). Elden Ring guide. Retrieved from polygon
[2] ign. (May 23, 2024). West Limgrave. Retrieved from ign
[3] gamerant. (November 18, 2023). Elden Ring. Retrieved from gamerant
เนื่องจาก ไอเทมลับ เครื่องราง นั้นเป็นสาระที่น่ารู้ ซึ่งจะมีการกล่าวถึงเครื่องรางภายใน เกมเอลเดนริง เพราะฉะนั้นเหล่าผู้เล่น จึงควรที่จะคิดหามาสวมใส่ จึงจะสามารถที่จะนำมาเพิ่มพลังโจมตี ให้แก่ตัวละครของผู้เล่นเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะนำมาเอาไว้ใช้กับตัวละครของท่านเอง
โดยเครื่องราง ส่วนใหญ่นั้นจะมีเงื่อนไขที่จะมีเหตุจำเป็น ที่ถูกระบุไว้ในเครื่องรางชิ้นนั้นๆ ซึ่งจะมีเครื่องรางที่พิเศษ พร้อมกับสามารถที่จะนำมาสวมใส่ก็เป็นได้ โดยจะทำให้ผู้สวมใส่เกิดผลต่างๆตามมาได้ แถมเครื่องรางบางชนิดนั้น
ยังมีการตีบวกตั้งแต่ เลเวล 1-2 ซึ่งเครื่องรางแต่ละชิ้นนั้น จะสวมใส่ได้เพียง 4 ชิ้น ซึ่งถ้าได้เครื่องรางที่ซ้ำกันนั้นจะไม่สามารถ ที่จะสวมใส่ซ้ำกันได้เพียง 1 ชิ้นเป็นต้นไปเท่านั้น ซึ่งเพราะฉะนั้นกระเป๋าเครื่องราง นั้นจะสามารถสวมใส่ได้เพียง 4 ชิ้นเท่านั้น สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ eldenring.fandom
ซึ่งเนื่องจาก เครื่องราง หรือ ไอเทมลับ นั้นจะมีเครื่องรางหลากหลายประเภทเป็นอย่างมาก โดยแต่ละประเภทก็จะมีการเน้นค่าสถานะที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นจึงจะเป็นเหตุที่จะทำให้เหล่าผู้เล่น ควรที่จะใช้เครื่องรางให้ถูกต้อง โดยจะมีเครื่องราง ตามดังนี้
ซึ่งภายในเกม เอลเดนริง นั้นเป็นเครื่องรางที่มีความพิเศษ ทั้งในด้าน เอลเดนริงภาคมาตรฐาน และ ด้านเอลเดนริงภาคพิเศษ โดยถ้าเครื่องรางที่รวมกันจะ มีเครื่องรางประมาณ 154 ชิ้น โดยแต่ละชิ้นนั้นก็จะเป็นเครื่องรางที่มีความพิเศษที่แตกต่างกันออกไป
โดยถ้าแบ่งตามภาคของ เอลเดนริงภาคมาตรฐาน จะมีเครื่องรางที่มากถึง 115 ชิ้น ซึ่งในภาคชนิดนี้นั้น จะมีเครื่องรางที่มากกว่า เอลเดนริงภาคพิเศษ เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเพราะฉะนั้น ภาคพิเศษนั้นจะมีเครื่องรางที่มากกว่า 39 ชิ้น เป็นต้น [1]
โดยเครื่องราง หรือ เครื่องรางลับ นั้นจะเป็นไอเทมที่มีความพิเศษ ในเรื่องของเงื่อนไข และ ค่าสถานะที่จะได้รับ เพราะฉะนั้นเครื่องประเภทเหล่านี้ จึงจะมีความพิเศษอย่างมาก ในเรื่องของการที่จะได้รับมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทำเควส หรือ การเผชิญหน้ากับดันเจี้ยน
โดยส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องราง ที่มีความพิเศษอย่างมาก ตามเงื่อนไขและค่าสถานะ ซึ่งทางเราก็ได้เห็นถึงความเป็นจุดเด่น และค่าสถานะที่มีความโดดเด่นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นทางเราที่เป็นผู้เล่นได้ทดลองเล่นมาเป็นปี จึงทำให้รู้ได้ว่าเป็นเครื่องรางที่มีจุดเด่นอย่างยิ่ง
โดยภายในเกมเอลเดนริง ของเควสที่จะเป็นเครื่องราง ไอเทมลับ นั้นจะมีเพียง 2 เควสเท่านั้น ที่จะสามารถ เอาเครื่องรางมาจากภารกิจได้ ซึ่งจะเป็นภารกิจของ อเล็กซานเดอร์ และ มิลลิเซนต์ ซึ่งเควสของมิลลิเซนต์ นั้นจะได้รับเครื่องราง ตราดาบปีกเน่า
ส่วนของเครื่องราง ที่เป็นไอเทมลับ ของเควสที่มาจาก อเล็กซานเดอร์ นั้นจะเป็นเควสที่มีการดำเนินเนื้อเรื่องได้อย่างยาวนาน แถมยังนำพาไปยังจุดที่ไม่สามารถไปปกติได้ด้วย ซึ่งเครื่องรางที่จะได้จากเควสของอเล็กซานเดอร์ นั้นจะได้จาก เศษไหนักรบ เป็นต้น [2]
โดยทางเราจะมาแนะนำ เครื่องราง ภายในเอลเดนริง ที่มีเพียง 3 เครื่องรางที่มีความโดดเด่น โดยจะเป็นเครื่องรางที่มีการนำมาใช้ได้ยาก ด้วยการทำเควส หรือ การเข้าไปเผชิญหน้าในดันเจี้ยน ซึ่งจะเป็น เครื่องรางเลือดออก ที่ทางเราเอามาแนะนำ ได้ตามดังนี้
ที่มา: Elden Ring: 14 Best [3]
สรุป ไอเทมลับ เครื่องราง นั้นเป็นเครื่องราง ที่มีความโดดเด่น ซึ่งจะได้จากการทำเควสต่างๆ โดยทางเราก็ได้จำแนกประเภท ของเครื่องราง รวมถึงอธิบายเกี่ยวกับเควสต่างๆ และ จัดอันดับเครื่องรางต่างๆ ภายในเกมเอลเดนริง พร้อมกับระบุถึงเครื่องรางที่จะได้รับภายในเกม
[1] eldenring.wiki. (November 27, 2024). Talismans. Retrieved from eldenring.wiki
[2] wotpack. (2024). Quest of Alexander. Retrieved from wotpack
[3] thegamer. (July 3, 2024). Elden Ring: 14 Best. Retrieved from thegamer
เนื่องจาก เถ้าสงคราม ทักษะพิเศษ ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถสวมใส่กับอาวุธชนิดปกติได้ แถมยังทำให้อาวุธชนิดเหล่ามีความหลากหลายมากขึ้น ในการโจมตีที่เป็นการจู่โจมแบบพิเศษ พร้อมกับสามารถสร้างความเสียหายต่อคู่ได้มากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่ง ทักษะพิเศษ หรือเถ้าสงคราม ของการโจมตีในเอลเดนริงนั้นถือเป็นรูปแบบ ของเถ้าสงคราม ที่จะสามารถสวมใส่ลงไปในอาวุธ เพื่อที่จะทำให้อาวุธ หรือ การโจมตีชิ้นนั้นมีความหลากหลายมากขึ้น จึงจะถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการจู่โจม
แถมยังจัดว่าเป็น หนึ่งในไอเทมที่มีความสำคัญอย่างมาก สำหรับการต่อสู้หรือ เผชิญหน้าเหล่าบอสในเอลเดนริง เพราะจะช่วยให้มีทักษะการต่อสู้ ที่โดดเด่นมากขึ้น แถมยังเป็นการบัฟพลังกายภาพ ลงอาวุธเพื่อการโจมตีที่รุนแรงมาก [1]
ซึ่ง เถ้าสงคราม นั้นจะมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Ashes of War แต่ละชิ้นนั้น จะสามารถสัมพันธ์กับอาวุธได้ จึงจะทำ การโจมตีที่มีความหลากหลายได้มากขึ้น ไม่เพียงแค่การโจมตีระยะประชิดเท่านั้น โดยสามารถปรับคุณสมบัติของอาวุธได้อีกด้วย
โดยจะสามารถสวมใส่ แล้วนั้นจะเปลี่ยนค่าคุณสมบัติความเสียหายได้ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของอาวุธ ที่จะสามารถปรับค่า ความเสียหาย ให้ตรงกับค่าสเตตัสของท่านได้ เพื่อสร้างความเสียหายให้ตรงค่าสเตตัสของตนเอง สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ eldenring.fandom
โดยเถ้าสงคราม ที่จะสามารถใช้นั้น จะต้องไปยังบริเวณป้อมปราการโต๊ะกลม ซึ่งหลังจากนั้นที่ได้ เถ้าสงครามมาแล้วนั้น ให้ไปยังบริเวณช่างตีดาบ เพื่อที่จะเข้าไปตรงบริเวณ ริซเมนู เพื่อเลือกหัวข้อ สวมใส่เถ้าสงคราม ที่จะใส่เถ้าสงครามลงไปในอาวุธ
โดยหลังจากที่มีเลเวล ผ่านไปประมาณ 100 เลเวล แล้วคุณสามารถเปิด ตรงริซเมนู เพื่อที่จะไปตรง หัวข้อเถ้าสงคราม ซึ่งก็จะสามารถสวมใส่ได้ แม้ไม่ได้อยู่ในบริเวณ ป้อมปราการโต๊ะกลม ก็ตาม ก็สามารถสวมใส่ได้ [2]
โดยทางเราจะมา จัดอันดับเถ้าสงคราม ที่มีพลังการโจมตีที่ดีสุด ซึ่งจะเป็นสิ่งที่สามารถหาได้ ภายในเอลเดนริง โดยจะมีเถ้าสงครามที่ดีที่สุด ที่มี ทักษะเลือดออก แฝงมากด้วย โดยจะตามดังนี้
ที่มา: Elden Ring [3]
เนื่องจาก เครื่องรางlส่วนใหญ่จะเพิ่ม ทักษะการโจมตีพิเศษ ให้มีความรุนแรงมากขึ้น อย่างเครื่องราง 2 ชนิด ที่จะมีเงื่อนไขของการเพิ่มพลังโจมตีพิเศษอย่างโดยตรง ซึ่งจะมีทักษะเลือดแฝงมาด้วย ซึ่งยังนับได้ว่าเป็น เครื่องรางเลือดออก ที่มีควงามสำคัญอย่างยิ่ง โดยจะมีตามดังนี้
ซึ่งอาวุธที่จะมีทักษะพิเศษ คล้ายกับเถ้าสงคราม นั้นจะเป็นอาวุธชนิด ที่มีสถานะเลือดออกแฝงมาด้วย โดยจะมีเพียง 3 อาวุธ ที่อยู่ภายใน เกมเอลเดนริง ถือว่าจะเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก สำหรับอาวุธที่สามารถจะนำมาใช้ในเอลเดนริงได้ ตามดังนี้
สรุป เถ้าสงคราม ทักษะพิเศษ นั้นจะเป็นการเสริมสร้าง พลังการโจมตีให้แก่อาวุธ โดยเป็นทักษะพิเศษที่จะติดมากับเถ้าสงคราม ซึ่งทางเถ้าสงครามที่ทางเราจัดอันดับมานั้น ก็ถือว่าเป็นเถ้าสงครามที่ดีที่สุด พร้อมกับยังแนะนำอาวุธที่แฝงมากับเถ้าสงครามอีกด้วย
[1] eldenring.wiki. (November 3, 2024). Ashes of War. Retrieved from eldenring.wiki
[2] gamerant. (June 21, 2024). Elden Ring. Retrieved from gamerant
[3] thegamer. (June 28, 2024). Elden Ring. Retrieved from thegamer
เนื่องจาก มิลลิเซนต์ ภารกิจที่น่าสนใจ นั้นเป็นภารกิจภายใน เกมเอลเดนริง ที่สามารถจะหาได้ในพื้นที่ของจุดเริ่มต้น ซึ่งจะนำพาไปสู่ดินแดนใหม่ๆ และ รางวัลมากมายตั้งแต่เริ่มต้น จนไปถึงการจบเควสนั้นๆ เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเควสที่น่าทำเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งภารกิจของ ภายในเอลเดนริง นั้นจะมีเป็นจำนวนมากภายในเอลเดนริง เพราะฉะนั้นจึงจะนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกม ที่มีความน่าสนใจ และ ควรที่จะทำเพราะด้วยจะมีเงินรางวัลมากมาย แถมยังการทำเควสยังสามารถนำพาไปยังพื้นที่ ที่มีความสำคัญของเอลเดนริง อย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น เควสที่น่าสนใจ
จะมีเป็นจำนวนมาก โดยจะมีเควสที่สำคัญ ได้แก่ ไฮเอตต้า (Hyetta), เอ็ดการ์ (Edgar), อาจารย์ช่างตีเหล็กฮิวจ์ (Smithing Master Hewg), นักบวชสัตว์ร้ายแห่งกูรังค์ (Gurranq Beast Clergyman) และ เฟีย (Fia) รวมถึง เควสวาร์เร และเควสย่อยอื่นๆอีกมากมาย สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ eldenring.wiki
ซึ่งมิลลิเซนต์ (Millicent) นั้นเป็นผู้หญิงที่มี เส้นผมสีแดง โดยจะได้รับผลกระทบจากโรคเน่าสลายแดง เพราะฉะนั้นเธอและน้องสาวของเธอ จึงจะจำเป็นที่จะต้องอยู่ในดินแดนหนองน้ำแห่งเอโอเนีย ในภูมิศาสตร์คาเอลิด
โดยได้ถูกเลี้ยงมาจาก เซจกาว ที่ได้เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ลูกสมัยวัยเยาว์ ซึ่งน้องสาวของเธอทั้ง 4 นั้นจะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของฮาลิกทรี ภายใต้คำแนะนำของกาวรี โดยจะเป็นฝีมือ ของมิลลิเซนต์ ที่ทำอยู่เบื้องหลัง ตามคำสั่งของมาเลเนีย [1]
โดยการที่จะไปรับ ภารกิจมิลลิเซนต์ ได้นั้น ซึ่งจะต้องเริ่มตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของ เกมเอลเดนริง ตั้งแต่ได้ก้าวมาสู่ดินแดนแห่งนี้ ตั้งแต่แรก จึงจะอยู่ในพื้นที่ ลิมเกรฟ โดยการที่จะไปพบกับ ภารกิจของมิลลิเซนต์ ต้องพยายามมุ่งหน้าไปยัง ดินแดนเน่าสลายคาเอลิด
โดยจากที่เข้าสู่พื้นที่ของ คาเอลิด ได้แล้วนั้น ให้มุ่งหน้าไปยังบริเวณโบสถ์แห่งโรคระบาด ซึ่งมิลลิเซนต์ นั้นจะถูกพิษร้ายเน่าสลาย และคุมขังด้วยเวทมนตร์ที่ไม่ให้ออกจากพื้นที่วงกลมได้ ซึ่งหลังจากไปสู่จุดนี้ได้แล้วนั้น ให้คุยกับมิลลิเซนต์ จนจบสนทนา จึงจะเป็นจุดเริ่มต้นของเควส ตามดังกล่าว [2]
ซึ่งหลังจากที่ได้ รับเควสของมิลลิเซนต์ นั้นจะถือว่าเป็น ลูกสาวของมาเลเนีย ซึ่งหลังจากนั้นก็ให้เข้าไปสู่กระท่อมในดินแดน คาเอลิด เพราะฉะนั้นจึงจะทำให้พบกับ มิลลิเซนต์ ได้ โดยหลังจากพบได้แล้วนั้นก็จะต้องดำเนินเควส
ไปในดินแดนแห่งที่ราบสูงอัลทัส ซึ่งหลังจากที่เจอกับมิลลิเซนต์ ในสถานที่อัลทัส แล้วนั้นก็จะสามารถไปพบกับ มิลลิเซนต์ได้อีกรอบในพื้นที่ ของเอลฟาเอล เป็นดินแดนแห่งมาเลเนีย โดยจะต้องเข้าต่อสู้กับพี่น้องทั้ง 4 ของ มิลลิเซนต์ ทั้งหมด [3]
จากการทำเควสจนมาถึงจุดจบสุดท้าย ในดินแดนเอลฟาเอล แล้วนั้น ก็จะทำให้เป็นจุดสุดท้ายในการเข้าต่อสู้กับ พี่น้องทั้งหมดภายในเอลฟาเอล ซึ่งหลังจากที่ต่อสู้ แล้วเอาชนะมาได้นั้น ก็จะทำให้ได้รับ รางวัลอย่างเครื่องรางที่มีนามว่า ตราดาบปีกเน่า
โดยเป็นเครื่องรางที่มีเงื่อนไข ในการเพิ่มพลังโจมตีของดาบ ซึ่งจะมีเงื่อนไขที่มากถึง 3 ระดับ ขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องของการโจมตี โดยยิ่งมีความโจมตีที่รวดเร็วมากขึ้น ก็จะทำให้เพิ่มพลังโจมตีได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นจึงจะเป็นเครื่องรางที่มีความคุ้มค่าอย่างยิ่ง ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง เครื่องรางเลือดออก
ซึ่งจุดเด่น ของเควสมิลลิเซนต์ นั้นจะมีจุดเด่นในเรื่องของรางวัล แต่ก็ยังไม่หมดเท่านั้น ซึ่งมิลลิเซนต์นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในลูกของ มาเลเนีย แถมในดินแดนที่อยู่ของมาเลเนียนั้นถือว่ามีทางไปจะไปหาที่ยากอย่างยิ่ง จึงควรที่จะทำเควสชนิดนี้
เพื่อที่จะไป หามาเลเนีย โดยนอกจากรางวัล ก็จะเป็นเรื่องของการนำพาไปยัง ดินแดนเอลฟาเอล ซึ่งจะมีความซับซ้อนอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นจึงจะเป็นสิ่งที่ควรที่จะทำเควสเหล่านี้ เพราะจะช่วยให้ได้ทั้งรางวัล และ ไปยังจุดหมายที่ยากในการไปแบบปกติ
สรุป มิลลิเซนต์ ภารกิจที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก สำหรับการทำเควส เพื่อที่จะไปสู่ดินแดนแห่งนี้ แถมยังมีรางวัลมากมายในการทำเควส โดยทางเราก็ได้แนะนำ ภารกิจที่น่าสนใจอีกด้วย ไม่หมดเท่านั้นยังมีการ บ่งบอกวิธีทำ และ จุดเด่นของเควสชนิดนี้
[1] eldenring.wiki. (September 13, 2024). Millicent. Retrieved from eldenring.wiki
[2] ign. (May 17, 2024). Millicent Questline. Retrieved from ign
[3] wotpack. (2024). ภารกิจของ Millicent. Retrieved from wotpack
เนื่องจาก คาตานะเลือด อาวุธซามูไร ที่จะมีในจำนวนที่สามารถ นับได้ภายใน เกมเอลเดนริง เพราะฉะนั้นจึงจะทำให้สายอาวุธแบบฉบับซามูไร จึงจะมีผู้เล่นที่ใช้สายนี้น้อย โดยไม่หมดเท่านั้นยังเป็นสิ่ง ที่มีความสะท้อนถึงวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
ซึ่งต้องอธิบายจาก คำว่า ซามูไร ที่จะแปลเป็นดาบ หรือที่เหล่าชาวญี่ปุ่นนั้นจะ แทนคำว่าซามูไรเป็น นักรบโบราณของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ในช่วงสมัย ค.ศ. 794-ค.ศ.1185 ช่วงที่เป็นยุคของเฮฮัง โดยบุคคลคนส่วนใหญ่นั้นก็จะนิยมที่จะเป็นซามูไรให้ได้ เพื่อความร่ำรวยและอำนาจโดย อาวุธซามูไร
ส่วนใหญ่นั้นจะพกดาบ หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า คาตานะ ทุกครั้งที่ออกสู่สนามรบนั้น ซามูไรนั้นพกดาบที่มีขนาดแตกต่างกันประมาณ 4 เล่ม โดยจะได้แก่ ทาชิ, คะตะนะ, วากิซาชิ และ ทันโต โดยจะมีหน้าที่ของดาบที่แตกต่างกันออกไป จึงสามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ allabout-japan
โดยภายในเกมเอลเดนริง นั้นก็มี ดาบซามูไร ที่ถอดแบบออกมาจาก ดาบคาตานะ ของทางวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งภายในเกมนั้นจะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเภทของอาวุธภายในเอลเดนริง ซึ่งส่วนใหญ่ของดาบประเภทนี้นั้น จะเน้นค่าสเตตัสในด้านความชำนาญ เป็นส่วนใหญ่
โดยภายในเกมนั้น จะเป็นดาบคาตานะที่สามารถโจมตีระยะประชิด กับระยะกลางได้ ซึ่งในรูปแบบการโจมตีนั้นจะเป็น การฟัน และการแทงด้วยปลายดาบ รวมถึงยังมาพร้อมกับเอฟเฟกต์ที่แฝงมากับ สถานะผิดปกติเลือดออก เป็นการโจมตีที่สามารถสร้างความเสียหายได้ในปริมาณที่มาก [1]
โดยภายในเกม เอลเดนริง นั้นจะมีอาวุธมากมาย ซึ่งจะแบ่งสถานะพิเศษที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะแฝงมากับอาวุธชิ้นนั้นๆ เพราะฉะนั้น อาวุธประเภทคาตานะจึงจะจัดเป็นอีกหนึ่งประเภท ที่มาพร้อมกับสถานะเลือดออก โดยจะมีคาตานะ ตามดังนี้
ที่มา: Elden Ring: All Katanas [2]
โดยเนื่องจาก ทางเราจะมาแนะนำ ดาบที่มีความสมดุลที่สุดในเรื่องของการโจมตี แบบสถานะเลือดออก ซึ่งจะมีนามว่า ดาบแห่งเลือด (Rivers Of Blood) ที่เป็น อาวุธสายเลือดออก หนึ่งในเกมเอลเดนริง โดยการไปรับดาบชนิดนี้ได้นั้น ควรที่จะผ่านช่วงต้นเกม และ กลางเกมให้ได้
ซึ่งจะจำเป็นที่ ต้องเอาชนะบอสส่วนกลางของ นครหลวงเลนเดล โดยจะต้องขึ้นมาจากทาง แท่นยกใหญ่โรลด์ เพื่อที่จะมาสู่ดินแดนหิมะ หลังจากนั้นให้มุ่งหน้าไปยัง โบสถ์แถมหิมะใกล้ๆกับบอส ยักษ์เพลิง โดยหลังจากนั้นจะเข้าต่อสู้กับผู้รุกรานเพื่อชิงดาบเล่มนี้มา เป็นต้น [3]
ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าดาบ คาตานะเลือด ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับ สถานะเลือดออก จึงจะต้องจำเป็นที่จะต้องสวมใส่ เครื่องรางที่เน้นสายเลือดออก อย่างเช่นเงื่อนไขที่เน้นการเพิ่มพลังโจมตี หรือ การเพิ่มอัตราสถานะเลือดออก โดยจะมีเครื่องรางที่เน้นสายเลือดออก ตามดังนี้
ซึ่งสำหรับผู้เล่นสายเลือดออก นั้นควรที่จะมี ตัวช่วยสายเลือด อย่าง มนตรา, เถ้าสงคราม, เครื่องราง และ ธุรีสงคราม ที่มีความสำคัญแตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นจึงจะทำให้ของเหล่านี้ มีความสำคัญในการเข้าไปเผชิญหน้ากับเหล่าบอส
โดยตัวช่วยนั้นจะเป็น มนตราสาดโลหิต ที่สามารถจะช่วยให้ปกปิดจุดอ่อน ของการโจมตีระยะประชิดได้ โดยมนตราเป็นการสาดเลือดออกไปข้างหน้า ในระยะที่ไกล จึงจะทำให้การโจมตีมีความหลากหลายมากขึ้น เพราะฉะนั้นจึงจะทำให้การเล่นมีความโดดเด่นมากขึ้น
สรุป คาตานะเลือด อาวุธซามูไร นั้นเป็นอีกหนึ่งประเภทของอาวุธที่มีความโดดเด่น ซึ่งจะสามารถโจมตีด้วยการฟัน และแทง ซึ่งทางเราก็ได้บ่งบอกเกี่ยวกับ คาตานะที่มีสถานะเลือดออกแฝงมาด้วย พร้อมกับเครื่องรางที่ใช้คู่กับดาบประเภทนี้ รวมถึงตัวช่วยสายเลือดแบบอื่นๆ
[1] eldenring.wiki. (November 6, 2024). Katanas. Retrieved from eldenring.wiki
[2] thegamer. (July 9, 2024). Elden Ring: All Katanas. Retrieved from thegamer
[3] rockpapershotgun. (May 31, 2024). How to get Rivers Of Blood. Retrieved from rockpapershotgun
เนื่องจาก ยักษ์เพลิง แห่งเทือกเขาเหล่ายักษ์ นั้นถือว่าเป็นบอสหลักภายใน เกมเอลเดนริง ที่สามารถจะดำเนินเนื้อเรื่องไปต่อได้ โดยเมื่อเข้าสู่ช่วงหนึ่งของเกม บอสตัวนี้ก็ถือว่าเป็นบอสที่มีความสำคัญต่อการเล่นและดำเนินเนื้อเรื่องภายในเอลเดนริงเป็นอย่างมาก
โดยยักษ์เพลิงนั้นถือว่าเป็นบอส ที่มีความสำคัญซึ่งในช่วงหนึ่งที่ ก็อดฟรีย์ ได้ขึ้นเป็นลอร์ดหรือราชาก็ได้ ก่อสงครามแก่เหล่ายักษ์ ซึ่งเป็นคำสั่งจากราชินี ที่กลัวไฟของยักษ์เพลิง จึงก่อให้เกิดสงครามระหว่าง มนุษย์และยักษ์ โดยเตาเผาที่ยักษ์เพลิงเฝ้าอยู่นั้น
ที่ไม่มีวันดับก็เป็นการสาปแช่งจาก ราชินีมาริกา ซึ่งเหล่าผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องเอาชนะให้ได้ ในการที่จะไปโลกของฟารุมอสุรา โดยหลังจากที่เอาชนะได้แล้วนั้น ก็จะได้รับเศษซากความทรงจำ ที่มีพลังไฟแฝงมากับอาวุธ โดยจะเอาไปสู้กับราชาก็อตฟรีย์ สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ eldenring.wiki
โดยในการเข้าต่อสู้ กับบอสยักษ์เพลิง นั้นควรที่จะรู้ว่าเป็น บอสยักษ์เพลิง ที่จะมีทั้ง 2 เฟส ในการเข้าเผชิญหน้ากับบอสชนิดนี้ แต่ด้วยเหล่าผู้เล่นนั้นก็สามารถที่จะเรียก อล็กนักรบไห มาช่วยต่อสู้ได้อีกด้วย ซึ่งในการเข้าเผชิญหน้ากับบอสตัวนี้
ควรที่จะต้องมีเลเวลที่มากถึง 115 ขึ้นไป ซึ่งค่าความแข็งแกร่งของตัวละครของผู้เล่นเอง ควรที่จะมีมากกว่า 40 หน่วย หรือจะเอาให้ดีควรที่จะมากกว่า 60 หน่วย จะถือว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับควรที่จะสวมใส่เครื่องประดับ และ เครื่องรางที่สามารถเพิ่ม HP แก่ตัวละครของผู้เล่นได้ [1]
ซึ่งเป็นบอสหนึ่งใน 30 ตัวของทั้งหมด ภายในเกมเอลเดนริง โดยเป็นบอสที่มีหลอดเลือดประมาณ 42363 HP แถมพลังป้องกันนั้นจะมากถึง 118 หน่วย โดยท่าทางในการโจมตีจะมีพลังกายภาพมากถึง 120 หน่วย แถมยังสามารถสร้างความเสียจากไฟได้เป็นอย่างยิ่ง
โดยจุดอ่อนของ ยักษ์เพลิงนั้นจะต้องแบ่งเป็น 2 เฟส ซึ่งเฟสที่หนึ่ง จะต้องทำการโจมตีตรงข้อเท้า และ ส่วนขา เพราะฉะนั้นจึงจะทำดาเมจได้ในปริมาณสูง โดยในเฟสที่สอง นั้นก็จะเป็นการโจมตีที่ช่วงลำตัวหรือ ส่วนหน้าอก ถึงจะสามารถทำดาเมจได้อย่างหนักหนา [2]
การไปหา บอสยักษ์เพลิง แห่งเทือกเขาเหล่ายักษ์ นั้นจะเป็นบอสที่อยู่ใน แผนที่สุดท้าย ของเกมเอลเดนริง ซึ่งผู้เล่นนั้นควรที่จะผ่านช่วงต้นเกม และ กลางเกมได้ก่อน ที่จะมาสู่พื้นที่แห่งนี้ เพราะด้วยบอสและมอนสเตอร์ต่างๆจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ซึ่งหลังจากที่ก้าวมาสู่ดินแดนหิมะแล้วนั้น จึงควรที่จะมุ่งหน้าไปยัง พื้นที่ที่มีชื่อว่า เทือกเขาเหล่ายักษ์ โดยจะอยู่ใกล้กับ เตาเผาขนาดใหญ่ และที่เก็บ ดาบแม่น้ำแห่งเลือด (Rivers Of Blood) ที่เป็น คาตานะเลือด ชั้นเลิศที่สุด ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับส่วนพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง
โดยการที่จะเรียก อเล็กซานเดอร์ (Alexander) นั้นจะควรที่จะจำเป็นที่ต้องดำเนิน เควสของอเล็กซานเดอร์ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของพื้นที่แรกที่ได้ก้าวมาสู่เอลเดนดริง โดยหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงของเควสอเล็กที่มีความท้าทายมากขึ้น
จะนำพาไปยังในการเข้าต่อสู้กับ ทหารราดาห์น ซึ่งหลังจากที่จบสงครามแห่งนี้สิ้นสุดลงแล้วนั้น ก็จะทำให้นำพาไปยังการต่อสู้กับ ยักษ์เพลิงที่ดินแดน เทือกเขาเหล่ายักษ์ โดยหลังจากนั้นทางผู้เล่นก็สามารถที่จะเรียก อเล็กซานเดอร์ ออกมาช่วยต่อสู้ได้ ตั้งแต่หน้าประตูห้องบอสยักษ์เพลิงนั้นเอง [3]
โดยอย่างที่ทางเราได้กล่าว ถึงจุดอ่อนไปข้างต้น ก็ทำให้รู้ถึงจุดอ่อนที่สามารถสร้างดาเมจได้ เพราะฉะนั้น จึงจะควรที่จะรู้ถึงวิธีเอาชนะ ที่ทำให้การเล่นง่ายมากขึ้น ด้วยรูปแบบของมนตรา หรือ ตัวช่วยสายเลือด ซึ่งจะเป็นมนตรา ฝูงแมลงวัน พร้อมกับให้เรียก อเล็กซานเดอร์ ออกมาช่วยอีกแรง
เพราะด้วย มนตรานี้นั้น จะสามารถที่โจมตีในระยะไกลได้ แถมยังมีดาเมจในเรื่องของ สถานะเลือดออก เพราะด้วยการทำดาเมจของ มนตราชนิดนี้ จะเป็นการทำดาเมจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็สามารถที่จะใช้ติดต่อกันได้ในหลายๆครั้ง
สรุป ยักษ์เพลิง แห่งเทือกเขาเหล่ายักษ์ นั้นเป็นบอสที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของ การดำเนินเนื้อเรื่อง เพราะฉะนั้นสำหรับเหล่าผู้เล่น ส่วนใหญ่ก็ต้องจำเป็นที่จะผ่านบอสนี้ไปให้ได้ โดยทางเราก็ได้อธิบายเกี่ยวกับ จุดอ่อน และ วิธีไปหา รวมถึงการเอาชนะบอสตัวนี้ อีกด้วย
[1] gamespot. (July 22, 2024). Elden Ring - How To Beat The Fire Giant. Retrieved from gamespot
[2] dexerto. (February 27, 2024). How to beat the Fire Giant. Retrieved from dexerto
[3] rockpapershotgun. (April 29, 2022). Fire Giant boss fight guide. Retrieved from rockpapershotgun
เนื่องจาก เอสการ์ นักบวชเลือด นั้นเป็นบอสที่สามารถหาเจอได้ในเขตเดียวกับ มอร์ก็อต โดยจะมีระดับความยากที่ไม่มาก โดยนับได้ว่าเป็นบอสรองที่จะเจอในเขตนครหลวงเลนเดล ในพื้นที่ใต้ดิน แถมของที่จะดรอปยังเป็นตัวช่วยบที่มีความสำคัญต่อการเล่นอีกด้วย
ได้มีการกล่าวไว้ว่า เอสการ์ นั้นเป็นบอสที่อยู่ในเขตนครหลวง แต่จะเป็นผู้ติดตาม หรือ สาวกของ ม็อคราชาโลหิต เมื่อเจอกับเขานั้น ซึ่งเขานั้นจะมีจุดเด่นในการใช้ มนตร์ และ คาถาที่เน้นไปในทางสายเลือดออก โดยการที่เข้าสู้นั้นจะเป็นเรื่องยากมา
เพราะด้วยจะมาพร้อมกับ ลูกน้องสองตน ที่จะขัดขวางผู้เล่นในขณะนั้น โดยจะเป็นสุนัขที่เขาเลี้ยงไว้ ที่มีความดุร้ายพร้อมกับสถานะผิดปกติเมื่อผู้ใดโดนสุนัขกันเข้าไป จึงจะทำให้มีความยุ่งยากในการเข้าเผชิญหน้ากับเหล่าสุนัขและบอสตัวนั้นๆ สามารถคลิกเพื่ออ่านเพิ่มเติมได้ที่ eldenring.fandom
โดยการไปหาเอสการ์ ได้นั้นจะจำเป็นที่ต้อง ผ่านช่วงต้นเกม และ ช่วงกลางเกมของ เกมเอลเดนริง มาให้ได้ก่อน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีเหรียญสองฝั่งทั้งด้านซ้าย และ ด้านขวา ที่จะนำมาใช้กับแท่นยกใหญ่โรลด์ ซึ่งจะทำให้ยกขึ้นไปสู้ดินแดนที่ราบสูงแห่งอัลทัสได้
โดยจากนั้นก็ให้มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองนครหลวงเลนเดล โดยหลังจากที่เข้าสู่นครแห่งนี้ได้แล้วนั้น ก็จะพบกับพื้นที่ สุสานใต้ดินของนครหลวงเลนเดล โดยจำเป็นที่ต้องลงไปสำรวจในพื้นที่นั้น เพื่อที่จะไปเจอกับเอสการ์โดยจะเป็นดันเจี้ยนเล็กๆ เพื่อจะเข้าต่อสู้กับบอสตัวนี้ [1]
โดยบอสตัวนี้นั้นจะใช้อาวุธที่เป็นประเภทเลือดออก โดยจะมีนามว่า มีดสั้นเรดูเวีย แถมยังมาพร้อมกับมนตราเลือดออกที่เป็น ตัวช่วยสายเลือด ไม่ว่าจะเป็น มนตรากรงเล็บเปลวไฟเลือด และ มนตราฝูงแมลงวัน ซึ่งจะมาพร้อมกับตราประทับที่มีนามว่า ซีลเอิร์ดทรี
ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้น การเข้าสู้กับบอสตัวนี้ ก็ยังเป็นบอสที่จะมาพร้อมกับ สุนัขของเขา โดยเป็นสุนัขที่มีความแข็งแกร่งในด้านค่าสถานะผิดปกติที่แฝงมากับเขี้ยวของสุนัข โดยจะมาพร้อมกันรวมถึง 2 ตัวพร้อมกับบอสที่เป็นผู้นำของสุนัขทั้งสองตัวนี้
ซึ่งสิ่งที่จะดรอปจากบอสตัวนี้นั้นจะเป็น เครื่องรางที่เน้นไปในทางสายเลือดออกนับได้ว่าเป็น เครื่องรางเลือดออก ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับสายเลือดออก โดยจะเป็นเครื่องรางที่มีนามว่า รื่นเริงราชาโลหิต (Lord of Blood’s Exultation) เป็นเครื่องรางเฉพาะสายเลือดออก อย่างมาก
แถมยังได้ดรอปที่เป็นชุดของ เอสการ์อีกด้วย ที่จะมีความเด่นเมื่อผู้สวมใส่จะ เพิ่มความฉลาดและ ค่าพิศวง ของตัวละครนั้น จึงได้รับความนิยมอย่างสูง ไม่หมดเท่านั้นยังนับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญของนักเวทย์ และ สายเลือดออกอีกด้วย [2]
โดยการที่เขานั้น จะสามารถจะชนะเอสการ์ ได้ควรที่จะต้องจัดเตรียมทั้งความพร้อมทางด้านเลเวล และอุปกรณ์ที่จะเข้าต่อสู้ โดยจะมีทั้ง ตัวช่วยสำหรับสายเลือด และ ตัวดึงดูดความสนใจ ตามดังนี้
ที่มา: วิธีปราบบอส Elden Ring [3]
ซึ่งจุดเด่น ของนักบวชเลือด นั้นจะเป็นเรื่องของการต่อสู้ ที่มีความยุ่งยาก ในการเข้าเผชิญหน้า ซึ่งไม่หมดเท่านั้นยังนับได้ว่า เมื่อเข้าต่อสู้จะเจอกับศัตรู ที่มากถึง 3 ตัวจึงก่อให้เกิดความยุ่งยากในการปราบบอสตัวนี้ แต่ก็สร้างความท้าทายให้แก่ผู้เล่นได้เป็นอย่างดี
ซึ่งถ้าเป็นด้านรางวัลที่ได้ จากบอสตัวนี้ จะเป็นเรื่องของดรอป ที่จะดรอปเป็นเครื่องรางที่มีความสำคัญ ของสายเลือดออก ที่จะมีค่าสเตตัสในด้าน ค่าพิศวงเป็นอย่างสูง จึงเป็นเครื่องรางที่จำเป็นอย่างมากสำหรับผู้เล่นสถานะเลือดออก
สรุป เอสการ์ นักบวชเลือด ทางเราก็ได้ระบุถึง การอธิบายเกี่ยวกับความเป็นมาของบอสตัวนี้ และ การมุ่งหน้าไปหาบอสตัวนี้ พร้อมกับวิธีปราบสิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อเข้าไปเผชิญหน้า แถมยังมีของที่ดรอปเป็นสิ่งที่สำคัญต่อสายเลือดออกอย่างยิ่ง
[1] ign. (June 5, 2024). Esgar, Priest of Blood. Retrieved from ign
[2] vg247. (April 16, 2024).Where to get Lord. Retrieved from vg247
[3] gamingdose. (April 14, 2022).วิธีปราบบอส Elden Ring. Retrieved from gamingdose
เนื่องจาก มอร์ก็อต แห่งลางบอกเหตุ นั้นเป็นบอสที่ถูกระบุไว้ว่าเป็น บอสมีฐานะอยู่ในราชวงศ์ชนชั้นสูง เพราะฉะนั้นจึงทำให้บอสชนิดนี้มีความน่าสนใจจาก ผู้เล่นเกมเอลเดนริงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นบอสที่ต้องผ่านให้ได้ในตอนแรกๆ ของต้นเกมซึ่งจะทำให้ปลดล็อกความสำเร็จได้
ซึ่งมีการระบุไว้ว่า มอร์ก็อต นั้นเป็นกษัตริย์ที่เป็นยุคแห่งความเลวร้ายมากที่สุด โดยจะเป็นบอสที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆของโลกเอลเดนริง ซึ่งเขานั้นจะเป็นเทพกึ่งเทพและผู้ที่แบกเศษหินที่จะพบได้ใน ลีนเดลล์ โดยจะสามารถปลดล็อก ช่องใส่เครื่องรางได้ และสามารถดำเนินเนื้อเรื่องต่อไปได้
โดยหน้าที่ของมอร์ก็อต นั้นจะมีหน้าที่ ที่จะรอสังหารเหล่าผู้เล่นหน้าใหม่ หรือ ที่ในเกมเรียกเหล่าผู้เล่นว่า แชมเปี้ยน ซึ่งเขานั้นจะมีความหวังที่จะเป็นของลอร์ดของเอลเดนริง ซึ่งในเวลาเดียวกันเขานั้นก็เป็นผู้ปกครอง ของนครหลวงเลนเดล ในฐานะราชาผู้สวมผ้าคลุม
โดยจะสามารถ พบกับมอร์ก็อต ได้ในพื้นที่ยอดเขาในที่ราบสูงอัลทัส ซึ่งจะเจอจริงๆในส่วนลึกของนครหลวงเลนเดล โดยอย่างน้อยในการเข้าเผชิญหน้ากับบอสตัวนี้ควรมีความแข็งแกร่งให้มากกว่า 50 หน่วย ซึ่งควรที่จะผ่านช่วงต้นเกม และ กลางเกมให้ได้ในตอนแรก โดยหลังจากนั้นก็ให้ผู้เล่นมุ่งหน้าไปยัง
แท่นยกใหญ่โรลด์ เพื่อที่จะขึ้นไปสู่ดินแดนที่ราบสูงอัลทัส โดยจากนั้นก็ให้พยายามที่จะเข้าไปสู้ในเมือง นครหลวงเลนเดล โดยหลังจากที่เข้าไปได้แล้วนั้นให้มุ่งหน้าไปยังใจกลาง และ ขึ้นไปสู้ยอดสุดของปราสาท โดยจะอยู่ใกล้กับต้นไม้ทอง สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ screenrant
โดยอย่างที่รู้กันว่า มอร์ก็อตนั้นเป็นบอส มนุษย์ครึ่งเทพอย่าง ม็อคราชาโลหิต จึงจะมีความแข็งแกร่งในระดับสูง เพราะฉะนั้นตัวละครของผู้เล่นควรที่มีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง พร้อมกับทักษะพิเศษของบอสและ อาวุธที่ใช้นั้นมีความแข็งแกร่งที่สามารถฟันภายในครั้งเดียวทำให้สูญเสียเลือดในปริมาณมากได้เลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น การที่จะเข้าต่อสู้กับบอสชนิดนี้ จึงจะควรที่มีเลเวลประมาณ 80-85 โดยอาวุธหลักที่ใช้นั้น ควรที่จะมีการอัปเกรดอาวุธให้อยู่ในช่วงตีบวกประมาณ 17-18 หรืออาจจะมากจนไปถึงบวก 25 เลยก็ได้เช่นกัน เพื่อการเอาชนะที่ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น
เมื่อเข้าเผชิญหน้ากับบอส แห่งลางบอกเหตุ ชนิดนี้แล้วนั้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อเหล่าผู้เล่นที่เล่น เกมเอลเดนริง เป็นบอสที่จะมี 2 เฟสในการเข้าต่อสู้กับบอสชนิดนี้ ซึ่งควรที่จะทำดาเมจให้มากก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเฟสที่ 2 อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมนั้น
ควรที่จะเป็น อาวุธที่ผ่านการตีบวก มากกว่า 20 ซึ่งควรที่จะให้สอดคล้องกับค่าสเตตัสที่สัมพันธ์กับอาวุธชิ้นนั้นๆ โดยจะต้องมาพร้อมกับ ธุรีสงคราม ที่ผ่านการตีบวกมากกว่า 9 และต้องเป็นเถ้าสงครามอย่าง สลาม หรือ ทิชี ก็ได้เช่นกัน [1]
โดยจากข้อมูลที่หามาได้ ก็ได้ระบุไว้ว่ามอร์ก็อตนั้น จะมีพลังที่มากกว่า ราดาห์น ซึ่งจะมีฐานะที่ยืนเหนือกว่า ราดาห์นเป็นอย่างยิ่ง โดยในประวัตินั้นได้กล่าวไว้ว่า มอร์ก็อตนั้นเคยเอาชนะราดาห์นได้ รวมถึงยังเป็นกองกำลังที่มีความสำคัญต่อโลกเอลเดนริง
ซึ่งในฐานะ ราดาห์น นั้นเป็นเพียงขุนศึก ที่มีความสำคัญในการออกสนามรบ เพื่อเอาชัยชนะกลับมาให้แก่นครหลวงเลนเดน แต่ก็จะมีความไม่ถูกกับมอร์ก็อต ซึ่งเพราะเป็นบุคคลที่แย่งชิงตำแหน่งกันมา ตั้งแต่ในสมัยอดีต จึงจะมีความที่ไม่ถูกกัน [2]
ซึ่งการที่จะเจอ มอร์ก็อต ได้นั้นจะทำให้สามารถที่จะได้รับ รูนที่มหาศาล เพื่อที่จะได้ปริมาณรูนที่มากถึง 120,000 อัน เพื่อที่จะสามารถเอาไปอัพค่าสเตตัส ในด้านที่ตัวละครของตนเองจะเล่น ไม่ว่าจะเป็นด้านความ แข็งแกร่ง หรือ ด้านความฉลาด
แถมยังได้รับเรื่องของ เศษซากความทรงจำ ที่สามารถนำไปแลกเป็น อาวุธด้านมีดที่มีสถานะเลือดเปลวเพลิง พร้อมกับอุปกรณ์ที่สามารถจะโจมตีในระยะไกลได้ แถมยังมีเครื่องแต่งกายของมอร์ก็อตที่สามารถซื้อได้จาก ร้านค้าหลังจากที่สังหารมอร์ก็อตได้ [3]
สรุป มอร์ก็อต แห่งลางบอกเหตุ ซึ่งจะเป็นการแนะนำเกี่ยวกับมอร์ก็อต โดยจะเป็นบอสที่มีความเก่งในระดับหนึ่งของเอลเดนริง โดยทางเราจะมาอธิบายวิธีที่จะพบได้ และ การเปรียบเทียบระหว่างบอสสองตัว ที่จะแนะนำรางวัลของมอร์ก็อต เป็นต้น
[1] polygon. (June 14, 2024). How to beat Morgott. Retrieved from polygon
[2] thegamer. (August 2, 2024). Elden Ring Fans Don't Understand. Retrieved from thegamer
[3] gamesradar. (August 17, 2022). How to beat the Elden Ring Morgott. Retrieved from gamesradar
เนื่องจาก ก็อดฟรีย์ ราชาองค์แรก นั้นถือว่าเป็นราชาองค์แรกของ เกมเอลเดนริง โดยทางเรายังได้บ่งบอกเกี่ยวกับความเป็นมา รวมถึงแนะนำวิธีเอาชนะราชาองค์แรก ของนครเลนเดล ซึ่งจะมีเครื่องรางประจำตัวของก็อตฟรีย์ให้เก็บ
โดยก็อดฟรีย์ นั้นเป็นในสมัยก่อนเขานั้นเป็น นักรบธรรมดาท่านหนึ่ง ที่มีนามในสมัยก่อนว่า โฮอาราห์ ลูซ์ โดยจะมีความแข็งแกร่ง ในด้านการรบ และดุร้ายเหมือนสัตว์ป่า ซึ่งความต้องการของเขาที่เข้าร่วมสงคราม ก็เป็นเพราะด้วย ตัวของเขานั้นเป็นผู้ที่กระหายต่อการต่อสู้
โดยหลังจากที่เขาได้รับวิญญาณ สิงโต หรือที่เอลเดนริงเรียกว่า เซโรช ไว้ที่ด้านหลัง จึงทำให้เขาเปลี่ยนชื่อจาก โฮอาราห์ ลูซ์ เป็นก็อดฟรีย์ ซึ่งมีฉายาที่ถูกเรียกว่า ก็อดฟรีย์แห่งสัตว์ร้ายระงับความโกรธด้วยการต่อสู้เพื่อตอบสนองความต้องการของเขา
โดย ก็อดฟรีย์นั้นได้ถูกระบุไว้ในประวัติของ เกมเอลเดนริง ไว้ว่าเขาคือผู้ที่เป็นคู่ครองของราชินีองค์แรก ซึ่งจะมีนามว่า ราชินีมาริก้า เพราะฉะนั้นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขา ถูกแต่งตั้งเป็นลอร์ดคนแรก ของดินแดนเอลเดนริง ซึ่งเป็นเพราะ การที่เขาทำหน้าที่ในสนามรบได้เป็นอย่างดี
ด้วยเอกลักษณ์ที่ดุดันของเขา จากชนเผ่าแห่งดินแดนรกร้าง ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด โดยจะมีสัตว์ร้ายที่แบกไว้ด้านหลัง จากที่รบในสนามเป็นบ่อยครั้งจึงทำให้เขาเสียสุขภาพจิตจนเป็น ผู้หมองมัวคนแรกๆของเอลเดนริง สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ eldenring.wiki
ซึ่งจากข้อมูลที่หามา และ จากการทดลองเล่นจริงจากผู้เขียนเอง จึงทำให้เห็นได้ว่าการเข้าเผชิญหน้ากับ บอสก็อตฟรีย์ นั้นสมควรที่จะมีเลเวลประมาณหนึ่งถึงจะสามารถเข้าต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งการที่จะเอาชนะได้อย่างง่าย ควรที่จะมีเลเวลของตัวละครประมาณ 135-140
แถมอาวุธหลัก นั้นจึงจะจำเป็นอาวุธที่มีการตีบวกให้ได้มากถึง บวก25 ของแร่ปกติ หรือ บวก10 ของแร่ขาว ค่าสเตตัส ควรที่จะมีความแข็งแกร่งให้สูง รวมถึงค่าอื่นๆอีกที่ทำให้ตัวละครแข็งแกร่งในสายที่ตนเองเลือกเล่น จึงจะทำให้การเข้าเผชิญหน้ามีความเท่าเทียมมากขึ้น [1]
โดยทางเราจะมาแนะนำสิ่งที่สามารถจะเอาชนะ ราชาของก็อตฟรีย์ได้ โดยการเข้าต่อสู้กับเขานั้นควรที่จะทำดาเมจให้ได้มากที่สุด ก่อนที่ก็อตฟรีย์จะเข้าสู่เฟส 2 ซึ่งสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนที่จะเข้าต่อสู้กับ ราชาก็อตฟรีย์ นั้นจะต้องเตรียมความพร้อม ตามดังนี้
ที่มา: Elden Ring Godfrey boss [2]
โดยการที่จะไปหา ราชาก็อตฟรีย์ ได้นั้นจำเป็นที่จะต้องผ่านช่วงกลางเกม และ ผ่านช่วงต้นเกม ให้ได้ก่อน โดยหลังจากนั้น ก็ให้ก้าวสู้แท่นยกใหญ่โรลด์ เพื่อที่จะเข้าสู่ดินแดน ที่ราบสูงอัลทัส ซึ่งจากที่เข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ได้แล้วนั้น
ก็ให้พยายามที่จะเข้า ไปในนครหลวงเลนเดล โดยคาดการณ์ไว้ว่าเป็น เวทีสุดท้ายที่จะต้องเจอกับเหล่าบอส โดยจะทำให้เจอกับบอสตัวสุดท้าย และ บอสก็อตฟรีย์ โดยจากที่เข้าไปสู่นครหลวงเลนเดลได้แล้วนั้น ก็ให้มุ่งหน้าไปส่วนลึกที่สุดของเมืองหลวงเพื่อที่จะเจอกับก็อตฟรีย์ในนครหลวง [3]
โดยเครื่องรางใน นครหลวงเลนเดล นั้นจะมีมากมาย แต่ด้วยทางเราจะมาแนะนำ เครื่องราง 2 ชิ้นที่อยู่ในระดับชั้นเลิศของเหล่าผู้เล่น เพราะฉะนั้นจึงควรที่จะไปเอามาไว้ครอบครองเป็นอย่างมาก โดยจะมีทั้งเครื่องราง ที่เสริมพลังสายเลือดออก และ สายกายภาพ
โดยถ้าเป็นสายเลือดออก นั้นจะแนะนำเครื่องรางที่อยู่ ใต้ดินของนครหลวงเลนเดล ซึ่งจะมีชื่อว่าความ รื่นเริงราชาโลหิต เป็นเครื่องรางที่เฉพาะสายเลือดออกอย่างเดียว ซึ่งไม่หมดเท่านั้นยังมีเครื่องรางที่เน้นไปในเรื่องของสายกายภาพ โดยจะมีชื่อว่า ไอคอนกอดฟรีย์
สรุป ก็อดฟรีย์ ราชาองค์แรก โดยจะเป็นลอร์ดคนแรก ซึ่งจะเป็นสิ่งที่จะสามารถบ่งบอกเกี่ยวกับราชาองค์แรกของโลกเอลเดนริง โดยไม่หมดเท่านั้น ทางเราก็ยังได้อธิบายเกี่ยวกับ เลเวลที่ควรต่อสู้ และ แนะนำวิธีเอาชนะ รวมถึงวิธีไปหาก็อตฟรีย์ พร้อมบ่งบอกเกี่ยวกับเครื่องรางภายในนครหลวง
[1] vg247. (December 6, 2023). Elden Ring Godfrey. Retrieved from vg247
[2] rockpapershotgun. (March 25, 2022). Elden Ring Godfrey boss. Retrieved from rockpapershotgun
[3] polygon. (June 8, 2024). How to beat Hoarah Loux. Retrieved from polygon