betdog
betdog

ที่เที่ยวภูเขาแปลก มีรูปร่างแปลกตา อาจไม่ใช่เพียงแค่ก้อนหินกองสูง ภูเขาแต่ละลูก ซ่อนเรื่องราวมหัศจรรย์ ของธรรมชาติเอาไว้ บางลูกมีรูปร่างคล้ายสัตว์ บางลูกมีสีสันสดใส บางลูกมีโครงสร้าง ทางธรณีวิทยา ที่ไม่น่าสามารถคาดถึงได้

ภูเขาธรรมดา สู่ ที่เที่ยวภูเขาแปลก

ภูเขาเปรียบถึง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่สูงขึ้น จากพื้นที่โดยรอบ อย่างชัดเจน มักจะมีความสูงตั้งแต่ 600 เมตรขึ้นไป จากระดับน้ำทะเล ภูเขาเหล่านี้ มักจะรวมตัวกันเป็นทิวเขา หรือเทือกเขาขนาดใหญ่ และเป็นปัจจัยหลายอย่าง ที่ส่งผลต่อการก่อตัวขึ้น

การเกิดภูเขาแปลกๆ มาจากอะไร

การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก หรือที่เรียกว่า ธรณีแปรสัณฐาน (Plate tectonics) คือปรากฏการณ์ ที่แผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบเป็นเปลือกโลกของเรา เคลื่อนที่อย่างช้าๆ ตลอดเวลา การเคลื่อนที่นี้ เกิดจากกระแสความร้อนภายในโลก ที่ผลักดันให้หินหนืด ในชั้นเนื้อโลก เคลื่อนที่ไปมา [1]

ซึ่งแผ่นเปลือกโลก ที่ลอยอยู่ด้านบน เคลื่อนที่ตามไปด้วย และถูกแปรสภาพ กลายเป็นภูเขาสูงชัน เทือกเขาขนาดใหญ่ อย่างเช่น ยอดเขามัทเทอร์ฮอร์น ยอดเขากลาเซียร์ ยอดเขาจุงเฟรา ยอดเขาเดนาลี ภูเขาโรไรมา ภูเขาหวงซาน เป็นต้น

การระเบิดของภูเขาไฟ

การระเบิดของภูเขาไฟ เป็นเหตุการณ์ที่แมกมา (หินหลอมเหลว) แก๊ส และเถ้าภูเขาไฟ ใต้เปลือกโลก ถูกปล่อยออกมา สู่ผิวโลก ผ่านรอยแตก หรือปล่องภูเขาไฟ การระเบิดนี้ เกิดจากความดันมหาศาล ที่สะสมอยู่ภายในโลก

เมื่อความดันสูงเกินไป แก๊สและแมกม่า จะพุ่งออกมาอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และจะค่อยๆ สะสมตัวกันเป็นชั้นๆ จนกลายเป็นภูเขาไฟรูปกรวย ดั่ง ภูเขาไฟรินจานี แต่ ภูเขาเคิร์กจูเฟล เป็นภูเขาไฟที่ได้ดับสนิทลงแล้ว

ที่มา: ภูขาไฟระเบิด [2]

ที่เที่ยวภูเขาแปลก กระบวนการกัดเซาะ ของน้ำและลม

ที่เที่ยวภูเขาแปลก

การกัดเซาะของน้ำและลม คือ กระบวนการทางธรรมชาติ ที่ทำให้พื้นผิวโลก เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ เนื่องจากแรงของน้ำและลม ที่ทำหน้าที่กัดเซาะ กัดกร่อน และพัดพาเอาเศษหิน ดิน ทรายไปทับถมในที่อื่น [3]

ตัวอย่างการกัดเซาะ

การทับถมของตะกอน

การทับถมของตะกอน หมายถึง กระบวนการที่เศษหิน ดิน ทราย หรือสารอินทรีย์ต่างๆ ที่ถูกพัดพามาจากแหล่งกำเนิด เช่น แม่น้ำ ลม หรือธารน้ำแข็ง มาสะสมตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ในที่หนึ่งๆ โดยอาจเป็นที่ราบ แม่น้ำ ทะเล หรือแอ่งน้ำต่างๆ

สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนเดินทางไป ที่เที่ยวภูเขาแปลก

คำเตือนก่อนขึ้นเขา ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ

สรุป ที่เที่ยวภูเขาแปลก

สรุป ที่เที่ยวภูเขาแปลก ที่เราเห็นกันนั้น เกิดจากกระบวนการ ทางธรรมชาติที่ซับซ้อน และใช้เวลานานหลายล้านปี ไม่ใช่แค่การยกตัว ของแผ่นดินขึ้นมาอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ที่มารวมกันจนเกิดเป็นรูปทรงที่แปลกตา และน่าสนใจ

อ้างอิง

[1] wikipedia. (July 5, 2024). การแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค. Retrieved from wikipedia

[2] trueplookpanya. (August 6, 2021). ภูเขาไฟระเบิด. Retrieved from trueplookpanya

[3] trueplookpanya. (August 6, 2021)). การกัดเซาะ. Retrieved from trueplookpanya

ซีอาน ที่จะห่างจาก ภูเขาหวงซาน เพียง 120 กิโลเมตร ทำให้มีมรดกโลกคล้ายคลึงกัน ที่สั่งสมมาหลายพันปี ซีอานจึงเป็นมากกว่า แค่เมืองท่องเที่ยวทั่วไป แต่เป็นเครื่องย้อนเวลา ที่พาเราข้ามผ่านกาลเวลา ไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ ของอารยธรรมจีน

ซีอาน เมืองหลวงชื่อว่าอะไร

ซีอาน เมืองหลวงของมณฑลส่านซี ประเทศจีน เป็นหนึ่งในเมือง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน กว่าหลายพันปี ซึ่งที่นี่เคยเป็นเมืองหลวง ของราชวงศ์สำคัญถึง 13 ราชวงศ์ อาทิ โจว ชิน ฮั่น และ ถัง ด้วยเหตุนี้ [1] ซีอานจึงเต็มไปด้วยโบราณสถาน และมรดกทางวัฒนธรรม อันทรงคุณค่ามากมาย

กำแพงเมืองซีอาน หนึ่งในสิ่งสำคัญ

หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของซีอาน คือ กำแพงเมืองโบราณ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง กำแพงเมืองนี้ มีความยาวรอบกว่า 14 กิโลเมตร สูง 12 เมตร และกว้าง 12 เมตร ถือเป็นกำแพงเมืองที่ใหญ่ที่สุด และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศจีน การเดินบนกำแพงเมือง จะให้คุณระลึกถึงสิ่งเก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้นมา แถมยังได้ชมวิวเมืองซีอาน อย่างเต็มสองลูกตา

เส้นทางสายไหม การเชื่อมโยงวัฒนธรรม

ซีอานเป็นเมืองปลายทางของ เส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางการค้า ที่สำคัญเชื่อมโยงระหว่าง เอเชียกับยุโรป ทำให้ซีอาน เป็นจุดบรรจบของวัฒนธรรมต่างๆ จากทั่วโลก คุณสามารถเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์เส้นทางสายไหม เพื่ออยากเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของเส้นทางนี้ได้ [2]

กองทัพทหารดินเผา ซิกเนเจอร์แห่งเมืองซีอาน

ซีอาน

อีกหนึ่งสถานที่ ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นที่ตั้งของ กองทัพทหารดินเผา ถูกสร้างขึ้นในช่วง ปลายศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล เพื่อเป็นทหารองครักษ์ ให้กับจิ๋นซีฮ่องเต้ในโลกหน้า โดยใช้เวลาในการสร้าง นานหลายปี มีการประดิษฐ์ทหารดินเผา แต่ละตัวอย่างประณีต โดยมีใบหน้าและท่าทาง ที่แตกต่างกันไป เพื่อให้ดูเหมือนกองทัพจริงๆ [3]

พระราชวังหัวชิง งดงามด้วยสถาปัตยกรรม

พระราชวังหัวชิง เป็นพระราชวังฤดูร้อน ของจักรพรรดิ แห่งราชวงศ์ถัง สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง และได้รับการบูรณะ หลายครั้งในภายหลัง ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม มีภูเขาและน้ำพุร้อน ที่อุดมสมบูรณ์ สถาปัตยกรรมของพระราชวัง ผสมผสานความงดงาม ของสไตล์จีนโบราณ เข้ากับภูมิทัศน์ โดยรอบได้อย่างลงตัว

และยังมีเรื่องราวความรัก ของถังเสวียนจง และหยางกุ้ยเฟย ความรักของทั้งสอง เป็นแรงบันดาลใจ ให้เกิดงานศิลปะ และวรรณกรรมมากมาย ขึ้นชื่อเรื่องกล่าวขาน ตั้งแต่อดีตกาล จนมาถึงยุคปัจจุบัน

เมืองซีอาน ควรเดินทางไปเดือนไหน ?

การเลือกช่วงเวลา ในการเดินทางไป จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณได้ท่องเที่ยว อย่างมีความสุข มักจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน-พฤศจิกายน)

เหตุผลที่ควรเดินทางไปซีอานในช่วงเวลานี้

สรุป ซีอาน

สรุป ซีอาน เมืองที่น่าไปท่องเที่ยว เหมาะแก่การเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะมีเรื่องเล่าทุกสถานที่ แนะนำว่าเป็นอีกเมืองของจีน ที่คุณไม่ควรพลาด

อ้างอิง

[1] wikipedia. (November 11, 2023). Xi'an. Retrieved from wikipedia

[2] wikipedia. (June 25, 2024). เส้นทางสายไหม. Retrieved from wikipedia

[3] wikipedia. (July 3, 2021). กองทัพทหารดินเผา. Retrieved from wikipedia

ทะเลสาบแมงกะพรุน หรือ Jellyfish Lake ตั้งอยู่บนเกาะ Eil Malk ในประเทศปาเลา ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะ ในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม ที่แยกตัวออกมาจากมหาสมุทร แต่ยังคงมีการเชื่อมต่อกัน ผ่านรอยแยกใต้ดิน ทำให้มีระบบนิเวศที่เป็นเอกลักษณ์ หนึ่งใน ที่เที่ยวทะเลสาบแปลก อีก 1 แห่ง

ทะเลสาบแมงกะพรุน ปรากฏการณ์ อัศจรรย์ใจ

ทะเลสาบแมงกะพรุน หนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่น่าอัศจรรย์ใจ ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่คุณจะได้พบ กับแมงกะพรุนนับล้านตัว ว่ายน้ำกันอย่างอิสระ ในน้ำทะเลสีครามใส ราวกระจก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกต่อย เพราะแมงกะพรุนในทะเลสาบแห่งนี้ ไม่มีพิษ! [1] ซึ่งแมงกะพรุนที่พบบ่อย มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่

แมงกะพรุนทอง

ที่มา: ทะเลสาบแห่งแมงกะพรุน Jellyfish Lake ที่ประเทศ "ปาเลา" [2]

แมงกะพรุนถ้วย หรือ แมงกะพรุนพระจันทร์

ที่มา: แมงกะพรุนถ้วย [3]

ทะเลสาบแมงกะพรุน ที่นี่ ไม่มีพิษ

ความพิเศษ ของทะเลสาบแมงกะพรุน เกิดจากกระบวนการ วิวัฒนาการที่ยาวนาน ในสภาพแวดล้อม ที่ปิดล้อม และมีอาหารจำกัด ทำให้แมงกะพรุน ที่อาศัยอยู่ ในทะเลสาบแห่งนี้ ไม่จำเป็น ต้องใช้เข็มพิษ ในการล่าเหยื่ออีกต่อไป จึงค่อยๆ สูญเสีย ความสามารถในการสร้างพิษไป [4]

สิ่งพิเศษที่เกี่ยวกับทะเลสาบแมงกะพรุน

ทะเลสาบแมงกะพรุน

เที่ยวที่นี่ คุณจะได้รับอะไรกลับไปบ้าง

สรุป ทะเลสาบแมงกะพรุน

สรุป ทะเลสาบแมงกะพรุน เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น และไม่เหมือนใคร แต่ก็ต้องคำนึงถึง การอนุรักษ์ธรรมชาติด้วย ควรปฏิบัติตามกฎระเบียบ ของแต่ละสถานที่อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ระบบนิเวศ ของทะเลสาบแมงกะพรุน ยังคงอยู่คู่โลกต่อไป

อ้างอิง

[1] trueid. (July 23, 2021). Jellyfish Lake ปาเลา สุด Unseen. Retrieved from trueid

[2] blockdit. (January 18, 2019). ทะเลสาบแห่งแมงกะพรุน Jellyfish Lake ที่ประเทศ "ปาเลา". Retrieved from blockdit

[3] wikipedia. (April 27, 2024). แมงกะพรุนถ้วย. Retrieved from wikipedia

[4] sac. (October 27, 2023). Jellyfication เมื่อทะเลเต็มไปด้วยแมงกะพรุน Retrieved from sac

ลองเยียร์เบียน อยู่ท่ามกลางหิมะขาวโพลน สูดอากาศบริสุทธิ์ที่ปราศจากมลพิษ ชมแสงเหนือที่เต้นระบำบนท้องฟ้าสีดำสนิท และเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนาน ของการทำเหมืองถ่านหิน

ที่ตั้ง ณ ลองเยียร์เบียน

ลองเยียร์เบียน (Longyearbyen) เมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะสฟาลบาร์ (Svalbard) ของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนแห่งนี้ สถานที่แห่งนี้ เป็นจุดที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด [1] มีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยธรรมชาติที่งดงาม และวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างการใช้ชีวิต แบบเรียบง่าย และการผจญภัยบนน้ำแข็ง

สู่การค้นพบลองเยียร์เบียน

ลองเยียร์เบียนถูกค้นพบ โดยนักสำรวจ ชาวอเมริกันชื่อ จอห์น มงโร ลองเยียร์ ในปี 1906 และต่อมาได้มีการตั้งชื่อเมืองตามเขา ด้วยศักยภาพด้านถ่านหิน ที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้เมืองนี้ กลายเป็นศูนย์กลาง การทำเหมืองถ่านหิน ที่สำคัญในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

ชีวิตในยุคทองของเหมืองถ่านหิน

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ลองเยียร์เบียนกลายเป็นเมือง ที่คึกคักไปด้วยคนงานเหมือง จากหลายประเทศ พวกเขามาตั้งรกราก และสร้างครอบครัวที่นี่ ทำให้เมืองมีการเติบโต อย่างรวดเร็ว และมีการสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ขึ้นมา เพื่อรองรับชีวิต ความเป็นอยู่ของคนงาน [2]

ช่วงการเปลี่ยนแปลงใน ลองเยียร์เบียน

แม้ว่าอุตสาหกรรม เหมืองถ่านหิน จะเคยเป็นหัวใจสำคัญ ของลองเยียร์เบียน แต่ปัจจุบันการทำเหมืองถ่านหิน ได้ลดลงอย่างมาก เนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และความตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

แต่ในยุคปัจจุบัน ลองเยียร์เบียนได้ปรับตัว เข้าสู่ยุคใหม่ โดยเน้นการท่องเที่ยว และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ทำให้นักท่องเที่ยว ที่สนใจในด้านนี้ หรือ อยากรับการผจญภัยกับธรรมชาติ ในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะทำกิจกรรม การชมแสงเหนือ การเดินป่า และการล่องเรือชมวาฬ

สิ่งที่น่าสนอัศจรรย์ใจ ที่คุณยังไม่รู้ เกี่ยวกับลองเยียร์เบียน

ที่ลองเยียร์เบียน มีกฎหมายห้ามตายในเมือง เพราะที่นี่อุณหภูมิต่ำตลอดทั้งปี ทำให้ดินแดนส่วนใหญ่ เป็นดินเยือกแข็ง การฝังศพในสภาพแวดล้อมแบบนี้ จะทำให้ศพไม่สามารถย่อยสลาย ได้ตามธรรมชาติ

 และอาจก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เช่น การปนเปื้อนของดินและน้ำ หากผู้ที่มีอาการป่วยหนัก หรือใกล้จะเสียชีวิต จะต้องถูกส่งตัวไปรักษา ในโรงพยาบาล ที่อยู่ไกลออกไป หรือไม่ก็ต้องเตรียมตัว ที่จะจากโลกนี้ไปในที่เมืองอื่น

ที่มา: รู้หรือไม่ว่าเมืองลองเยียร์เบียน (Longyearbyen) [3]

กลางคืนขั้วโลก และกลางวันขั้วโลกคืออะไร

ลองเยียร์เบียน

เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในบริเวณขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้ ซึ่งเป็นผลมาจาก การเอียงของแกนโลก การโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้พื้นที่บริเวณขั้วโลก ได้รับแสงอาทิตย์ในปริมาณ ที่แตกต่างกันไปตลอดทั้งปี ทำให้สถานที่นี่ ขึ้นชื่อว่าเป็น ที่เที่ยวเมืองแปลก

แถมยังเห็นปรากฏการณ์อื่นๆ ในช่วงกลางคืนขั้วโลก เราอาจได้เห็นปรากฏการณ์แสงเหนือ (Aurora Borealis) ซึ่งเป็นแสงสีสวยงาม ที่เกิดจากการชนกันของอนุภาค ที่มีประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ กับสนามแม่เหล็กโลก

สรุป ลองเยียร์เบียน

สรุป ลองเยียร์เบียน ล้อมรอบไปด้วยธารน้ำแข็งขนาดใหญ่หลายแห่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างแดน ที่ต้องการสัมผัสความเย็นยะเยือก

อ้างอิง

[1] wikipedia. (June 22, 2023). Longyearbyen. Retrieved from wikipedia

[2] wikipedia. (June 22, 2023). สฟาลบาร์. Retrieved from wikipedia

[3] facebook. (May 27, 2020). รู้หรือไม่ว่าเมืองลองเยียร์เบียน (Longyearbyen). Retrieved from facebook

รอสเวลล์ เป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ที่กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโล กจากเหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นในปี 1947 นั่นคือ เหตุการณ์ยูเอฟโอตก

เหตุจุดประกาย รอสเวลล์ ความสนใจทั่วโลก

ในวันที่ 7 กรกฎาคม 1947 มีรายงานว่า มีวัตถุบินไม่รู้จัก ตกลงมาใกล้เมืองรอสเวลล์ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ออกมาแถลงข่าว ในตอนแรกว่าเป็น บอลลูนตรวจอากาศ แต่ต่อมาได้แก้ไขเป็น เศษซากจานบิน ก่อนจะกลับไปยืนยัน คำแถลงเดิมอีกครั้ง เหตุการณ์นี้ ทำให้เกิดกระแสข่าวลือ และทฤษฎีสมคบคิดมากมาย เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว และยานอวกาศ [1]

ทฤษฎีสมคบคิด และความจริง

กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของทฤษฎีสมคบคิด ที่หลายคนเชื่อว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังปกปิดความจริง เกี่ยวกับการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาว และซากยานอวกาศที่ตกอยู่

แม้จะมีการเปิดเผย เอกสารบางส่วนจากรัฐบาล แต่ความจริง ที่แท้จริงอยู่ในเหตุการณ์นี้ ที่รอสเวลล์ ก็ยังคงเป็นปริศนา จนถึงทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ เชื่อว่า อาจจะเป็นเพียงความเข้าใจผิด หรือ การตีความข้อมูล ที่มีอยู่อย่างผิดพลาด

ที่มา: สารพันเรื่องราวน่าพิศวง ของสิ่งมีชีวิตต่างดาวในรอบปี 2023 [2]

กาลเวลาผ่านไป ยังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง

รอสเวลล์นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ และยังคงเป็นที่พูดถึง อย่างกว้างขวาง แม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม ความลึกลับ ความน่าสงสัยของเหตุการณ์ ได้กลายเป็นแรงดึงดูดที่สำคัญ ทำให้เมืองรอสเวลล์ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ผู้คนจากทั่วโลก เดินทางมาสัมผัสบรรยากาศ การค้นหาคำตอบ ของปริศนาที่ยังคงคาใจ คลิกดูข้อมูลต่อได้ที่ Medium

รอสเวลล์ ใช้เหตุการณ์นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ใครจะเชื่อว่า เหตุการณ์ลึกลับที่ดูเหมือน จะสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน กลับกลายเป็นโอกาสทอง ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของรอสเวลล์ ได้อย่างน่าตกใจ การที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ สามารถนำเอาเรื่องราว ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหา มาเปลี่ยนให้กลายเป็นจุดแข็งได้นั้น โดยได้สร้างสรรค์ สถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจหลายแห่ง

สถานที่ท่องเที่ยว ติดอันดับในรอสเวลล์

รอสเวลล์
  1. International UFO Museum and Research Center : พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้อมูล และหลักฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ยูเอฟโอตกที่รอสเวลล์ พร้อมทั้งจัดแสดง นิทรรศการที่น่าสนใจเป็นพิเศษ
  2. Roswell UFO Spacewalk : สวนสนุกขนาดเล็ก ที่จำลองบรรยากาศ การสำรวจอวกาศ และพบเจอสิ่งมีชีวิตต่างดาว
  3. Alien Zone : สถานที่รวมร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ

ที่มา: Roswell places to visit 2024 [3]

รอสเวลล์มีการจัดเทศกาล ตลอดทั้งปี

เทศกาล UFO (Roswell UFO Festival) เป็นเทศกาลหลัก ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีกิจกรรม อย่างเช่น การบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ การแสดงดนตรี การออกร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก การประกวดคอสเพลย์ และการเดินขบวนพาเหรด

สรุป รอสเวลล์

สรุป รอสเวลล์ แม้จะมีเรื่องราวอันลึกลับ ก็สามารถนำมาใช้ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนได้ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างสนใจ แวะเวียนเข้ามา ค้นหาคำตอบของ UFO

อ้างอิง

[1] wikipedia. (June 14, 2023). เหตุการณ์ยูเอฟโอตกที่รอสเวลล์. Retrieved from wikipedia

[2] bbc. (January 2, 2024). สารพันเรื่องราวน่าพิศวง ของสิ่งมีชีวิตต่างดาวในรอบปี 2023. Retrieved from bbc

[3] trip. (2024). Roswell places to visit. Retrieved from trip

อยากรู้ไหมว่า เกาะอิซาเบลา ถึงมีสิ่งมีชีวิต ที่ได้พิเศษขนาดนี้ และพวกมันต้องปรับตัวอย่างไร ให้รอดชีวิตในสภาพแวดล้อม ที่แสนจะสุดขั้ว ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาไขปริศนาไปพร้อมกัน ในบทความนี้เลย

เกาะอิซาเบลา เกาะภูเขาไฟขนาดใหญ่

เกาะอิซาเบลา นับว่าเป็นเกาะภูเขาไฟ ขนาดใหญ่ที่สุด ในหมู่ หมู่เกาะกาลาปากอส ซึ่งเป็นกลุ่มเกาะ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ตะวันออกเฉียงใต้ โดยอยู่ห่างจากชายฝั่ง ของเอกวาดอร์ประมาณ 1,000 กิโลเมตร [1]

รูปลักษณะ ของเกาะอิซาเบลา

เกาะอิซาเบลานั้น มีรูปทรงคล้ายม้าน้ำ เกิดจากกระบวนการ ทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อน โดยมีภูเขาไฟหลายลูก กระจายตัวอยู่ทั่วเกาะ ทำให้เกิดการปะทุ และไหลของลาวา ออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลานานหลายพันปี ลาวาที่เย็นตัวลง จะสะสมกันเป็นชั้นๆ ทำให้เกิดเป็นเกาะ ที่มีรูปทรงคล้ายม้าน้ำ ดังที่เห็นในปัจจุบันนี้

โดดเด่นทางภูมิศาสตร์ที่ชัดเจน

ที่เกาะแห่งนี้ ที่ใครต่างก็รู้ว่า ที่นี่คือสวรรค์ของสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่น ด้วยความโดดเดี่ยวทางภูมิศาสตร์ ทำให้สัตว์ และพืชบนเกาะอิซาเบลา วิวัฒนาการไปในรูปแบบ ที่แตกต่างจากที่อื่น อย่างเช่น

ที่มา: พาทัวร์เกาะสวรรค์ บ้านของสัตว์แปลกนับร้อย [2]

ทำไม เกาะอิซาเบลา ถึงมีผู้คนให้ความสนใจ ?

เกาะอิซาเบลายังมี ภูเขาไฟที่ทรงพลัง อยู่หลากหลายลูก บางลูกก็ยังดับไม่สนิท อาจมีคุกรุ่น ถึงขั้นลาวาไหลออกมา หรือได้ระเบิดขึ้นมานั่นเอง [3] แล้วยังเป็นสวรรค์ สำหรับนักดำน้ำ และนักสน็อกเกิล คุณจะได้พบกับ โลกใต้ทะเลที่สวยงาม เต็มไปด้วยปลาหลากสีสัน ปะการัง และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลอื่นๆ อีกมากมาย

ร่วมด้วยช่วยกัน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บนเกาะได้

เกาะอิซาเบลาเป็นส่วนหนึ่ง ของอุทยานแห่งชาติกาลาปากอส ซึ่งเป็นมรดกโลก ทางธรรมชาติ ขององค์การยูเนสโก การอนุรักษ์ความหลากหลาย ทางชีวภาพของเกาะ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจความเป็นอยู่ ที่แฝงไปด้วยเรื่องราว มหัศจรรย์ธรรมชาติ ที่สวยงามแห่งนี้

เปิดที่พักใกล้เกาะอิซาเบลา

เกาะอิซาเบลา
  1. Hotel Galápagos Suites ห้องพักกว้างขวาง สะอาด ที่พักแห่งนี้ ได้รับรางวัล Travellers’ Choice ประจำปี 2024 ราคาต่อคืนอยู่ที่ 4,132 บาท
  2. Isamar Hotel ที่พักมีความสบายๆ มีสวนน้ำ สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ใกล้ชายหาดราคาต่อคืนอยู่ที่ 5,145 บาท
  3. Angermeyer Waterfront Inn วิวสวยริมน้ำ มองเห็นท่าเรือ Puerto Ayora ราคาต่อคืนอยู่ที่ 11,995 บาท

หากสนใจ สามารถอ่านรีวิวต่างๆ ได้ และจองห้องพักได้ที่ tripadvisor

สรุป เกาะอิซาเบลา

สรุป เกาะอิซาเบลา เกาะแห่งนักท่องโลก ที่ชอบความครึกครัก ที่สามารถส่องสัตว์ด้วยตาเปล่า มองเห็นธรรมชาติอย่างแท้จริง และสามารถผ่อนคลาย ทำกิจกรรมบนเกาะได้อีกหลากหลาย

อ้างอิง

[1] facebook. (May 29, 2021). เกาะนี้มีชื่อว่า Isabela. Retrieved from facebook

[2] petplease. (February 19 2023). พาทัวร์เกาะสวรรค์ บ้านของสัตว์แปลกนับร้อย. Retrieved from petplease

[3] facebook. (January 14, 2022). ภูเขาไฟระเบิดที่กาลาปาโกส !!. Retrieved from facebook

นครเพตรา (Petra) เมืองนี้มีประวัติศาสตร์อันช้านาน ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองในการค้า ก่อนจะถูกทิ้งร้าง และหลับใหลไปหลายศตวรรษ จนกระทั่งถูกค้นพบ โดยชาวสวิส

นครเพตรา อยู่ที่ประเทศใด

นครเพตรา เป็นนครโบราณที่แกะสลัก จากหน้าผาหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา วาดี มูซา (Wadi Musa) หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลเดดซี กับ อ่าวอะกาบา ในประเทศจอร์แดน [1] แห่งความงดงาม และความลึกลับของนครนี้ และคือหนึ่งในสิ่ง มหัศจรรย์ของโลก ที่ต้องไปเยือนให้ได้ สักครั้งในชีวิต จึงถูกจัดอยู่ในสถานที่ ที่เที่ยวเมืองแปลก

ประวัติความเป็นมา สู่ความล่มสลาย

นครเพตราถูกสร้างขึ้น โดยชาวนาบาเทียน (Nabataeans) ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อน ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้ เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ชาวนาบาเทียนมีความเชี่ยวชาญ ในการควบคุมระบบ การชลประทาน และการค้า ทำให้นครเพตรา เจริญรุ่งเรืองเป็นศูนย์กลางการค้า ที่สำคัญในเส้นทางสายไหม

ถึงแม้ว่า นครเพตราจะเจริญรุ่งเรือง มานานหลายศตวรรษ แต่ในที่สุด ก็ต้องล่มสลายลง สาเหตุหลัก มาจากการเปลี่ยนแปลง ของเส้นทางการค้า การเกิดแผ่นดินไหว และการรุกราน จากอาณาจักรอื่นๆ ทำให้นครเพตราถูกทิ้งร้าง ไปนานหลายร้อยปี ก่อนที่จะถูกค้นพบอีกครั้ง ในศตวรรษที่ 19

ที่มา: มรดกโลกในหุบผา อารยธรรมโบราณแห่งจอร์แดน [2]

ใครเป็นผู้ค้นพบ นครเพตราอีกครั้ง

โดย โยฮันน์ ลุดวิก เบิร์คฮาร์ด (Johann Ludwig Burckhardt) นักสำรวจชาวสวิส ในปี ค.ศ. 1812 เบิร์คฮาร์ดได้ปลอมตัว เป็นชาวอาหรับ เพื่อเข้าไปสำรวจบริเวณนั้น และเป็นคนที่นำข่าวการค้นพบ นครโบราณที่ซ่อนตัว อยู่ท่ามกลางหุบเขาหินทราย กลับไปเผยแพร่ สู่โลกภายนอก ทำให้นครเพตรา ได้รับความสนใจ จากนักโบราณคดี และนักท่องเที่ยวทั่วโลก ในเวลาต่อมา

นครเพตรา เด่นชัดด้วยสถาปัตยกรรม

นครเพตรา

สิ่งที่โดดเด่นที่สุด ของนครเพตราคือ สถาปัตยกรรม ที่แกะสลักจากหน้าผา หินทรายสีชมพู อย่างประณีต โดยเฉพาะ Al-Khazneh หรือ The Treasury ซึ่งเป็นอาคาร ที่รู้จักกันดีที่สุด ของนครเพตรา มีลักษณะเป็นวิหารขนาดใหญ่ ที่มีหน้าต่าง และเสาที่แกะสลัก อย่างวิจิตรบรรจง [3]

มีสถานที่สำคัญ เพิ่มเติม

  1. The Siq : เป็นช่องเขาแคบๆ ที่คดเคี้ยวและทอดยาว ประมาณ 1.2 กิโลเมตร เป็นทางเข้าหลักสู่ตัวเมืองเพตรา ผนังหินทั้งสองข้างสูงชัน และมีสีสันสวยงาม เปลี่ยนแปลงไปตามแสงแดด
  2. Royal Tombs : สุสานหลวงที่แกะสลัก บนหน้าผาหิน มีหลายขนาด และรูปแบบ โดยแต่ละสุสานจะมีการตกแต่ง ที่แตกต่างกันไป แสดงให้เห็นถึง ความรุ่งเรืองของชาวนาบาเทียน
  3. Theatre : โรงละครโบราณ สร้างขึ้นโดยชาวนาบาเทียน และต่อเติม โดยชาวโรมันในภายหลัง สามารถจุผู้ชมได้หลายพันคน
  4. Monastery : วิหารขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ต้องเดินขึ้นบันได ประมาณ 800 ขั้น เมื่อขึ้นไปถึงบนยอดเขา จะได้เห็นวิวที่สวยงาม ของเมืองเพตรา และหุบเขาโดยรอบ

คำแนะนำ ที่นักท่องเที่ยวควรทราบ

สรุป นครเพตรา

สรุป นครเพตรา หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้ เกี่ยวกับนครเพตรา สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้จากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือ ภาพยนตร์สารคดี เว็บไซต์ เป็นต้น มหานครที่ไปเยือน แล้วจะลืมไม่ลงจริงๆ

อ้างอิง

[1] wikipedia. (March 10, 2023). เปตรา. Retrieved from wikipedia

[2] trueid. (June 30, 2021). มรดกโลกในหุบผา อารยธรรมโบราณแห่งจอร์แดน. Retrieved from trueid

[3] patourlogy. (April 14, 2023). พาเที่ยวชมเมืองเปตรา (Petra) เมืองมหานครหินแกะสลัก. Retrieved from patourlogy

ช็อคโกแลตฮิลส์ มีรูปลักษณ์ที่แปลกตา รวมถึงกระบวนการ ทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อน ซึ่งก่อให้เกิดเนินเขาขึ้นมา และที่นี่ยังมีเรื่องเล่าถึงตำนานของยักษ์อีกด้วย

ช็อคโกแลตฮิลส์ ตั้งอยู่บนเกาะโบโฮล

ช็อคโกแลตฮิลส์ หนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ นับว่าที่สุดของโลก ตั้งอยู่บนเกาะโบโฮล ประเทศฟิลิปปินส์ เนินเขากว่าพันลูก เรียงรายกันเป็นระเบียบ ราวกับถูกวางมือ สร้างขึ้นมาเอง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง พืชพรรณบนเนินเขา จะเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลคล้ายช็อกโกแลต ทำให้เกิดภาพที่สวยงาม ตราตรึงใจ เมื่อได้ไปเที่ยวชม [1]

ลักษณะที่พบเห็น ในช็อคโกแลตฮิลส์

มีตำนานกล่าวขานจาก ช็อคโกแลตฮิลส์

ตำนานยักษ์สองตน หนึ่งในตำนาน ที่เล่าขานกันมากที่สุด เกี่ยวกับช็อกโกแลตฮิลส์ คือเรื่องราวของยักษ์สองตน ที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง พวกเขาทะเลาะกัน ด้วยการขว้างดินใส่กันไปมา จนในที่สุดก็เบื่อหน่าย และปรับความเข้าใจกัน แต่กองดินที่เป็นโคลน ขว้างใส่กันอยู่นั้น ก็กลายเป็นเนินเขา เรียงรายกันดังที่เห็นในปัจจุบัน [2]

ช็อคโกแลตฮิลส์ ทฤษฎีการก่อตัวขึ้น

ถึงแม้ว่ายัง ไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด เกี่ยวกับการก่อตัว ของช็อกโกแลตฮิลส์ แต่ก็มีทฤษฎี ที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุด อยู่ 4 ทฤษฎี ได้แก่

  1. การสะสมของตะกอน : ในอดีตเมื่อหลายล้านปีก่อน บริเวณที่เป็นช็อกโกแลตฮิลส์ ในปัจจุบัน เคยเป็นทะเลมาก่อน ซากของสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น ปะการัง หอย และสัตว์ทะเลอื่นๆ ตายลงและทับถม กันเป็นชั้นๆ เมื่อเวลาผ่านไป ซากพวกนี้ จะแข็งตัวกลายเป็นหินปูน
  2. การยกตัวของเปลือกโลก : เนื่องจากการเคลื่อนที่ ของแผ่นเปลือกโลก ทำให้บริเวณ ที่เคยเป็นทะเล เกิดการยกตัวขึ้น เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้ชั้นหินปูนที่ทับถมอยู่ กลายเป็นแผ่นดิน
  3. การกัดเซาะ : หลังจากที่หินปูน โผล่พ้นน้ำทะเลแล้ว ธรรมชาติก็เริ่มทำหน้าที่ กัดเซาะหินปูน โดยน้ำฝน ที่ผสมกับคาร์บอนไดออกไซด์ จะกลายเป็นกรดคาร์บอนิก เมื่อไหลผ่าน รอยแตกของหินปูน ก็จะละลายหินปูน ทำให้เกิดโพรง และร่องต่างๆ ขึ้นมา
  4. การก่อตัวของเนินเขา : การกัดเซาะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หินปูนค่อยๆ ถูกกัดเซาะ เป็นรูปทรงต่างๆ จนในที่สุดก็ก่อตัวเป็นเนินเขา ที่มีลักษณะคล้ายกรวยคว่ำ จำนวนมากเรียงรายกัน

สามารถคลิกเพื่ออ่านต่อได้ที่ patourlogy

เหตุใด ช็อคโกแลตฮิลส์ ถึงมีสีน้ำตาลในช่วงฤดูแล้ง ?

ปกติแล้ว ช็อกโกแลตฮิลส์จะมีพืชพันธุ์ จำพวกหญ้าสีเขียว ขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วไป แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง ซึ่งเป็นช่วงที่มีฝนตกน้อย ปริมาณน้ำในดิน ก็จะลดลง ทำให้พืชพรรณ เกิดการเหี่ยวเฉาได้

และเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลในที่สุด เมื่อมองจากระยะไกล เนินเขาที่เคยเขียวขจี ก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม คล้ายช็อกโกแลต จึงเป็นที่มาของชื่อช็อกโกแลตฮิลส์ นั่นเอง

ที่มา: Chocolate Hills ภูเขาช็อกโกแลต [3]

สิ่งที่น่าสนใจในรอบๆ ภูเขาช็อกโกแลตฮิลส์

ช็อคโกแลตฮิลส์

สรุป ช็อกโกแลตฮิลส์

สรุป ช็อกโกแลตฮิลส์ เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ ทางธรรมชาติ ที่คุณไม่ควรพลาด หากมีโอกาสได้ไปเยือนฟิลิปปินส์ อย่าลืมแวะไปชมความสวยงาม ของหุบเขาแห่งนี้ให้ได้

อ้างอิง

[1] wikipedia. (July 16, 2024). Chocolate Hills. Retrieved from wikipedia

[2] blockdit. (December 28, 2023). เนินมหัศจรรย์กับเรื่องราวยักษ์ ๆ แห่งฟิลิปปินส์. Retrieved from blockdit

[3] realmetro. (December 24, 2021). Chocolate Hills ภูเขาช็อกโกแลต. Retrieved from realmetro

หาดสีแดง หรือ Red Beach แห่งเมืองผานจิ่น มณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน อีก 1 ที่ ที่มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่สร้างขึ้นมาเอง และหาชมจากไหนไม่ได้ นอกจากที่นี่

หาดสีแดง มีที่มาอย่างไร ?

สีแดงสดของหาดนั้น เกิดจากสาหร่าย ทะเลชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า Suaeda salsa หรือ ที่คนจีนเรียกว่า "หญ้าทะเลแดง" (Sueda) สาหร่ายชนิดนี้ เจริญเติบโตได้ดี ในดินเค็ม และสภาพแวดล้อม ที่เป็นเอกลักษณ์ ของบริเวณสามเหลี่ยม แม่น้ำเหลียวเหอ (Liaohe)

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เมื่ออุณหภูมิเริ่มลดลง สาหร่าย Sueda จะเปลี่ยนสี จากสีเขียว เป็นสีแดงสด ซึ่งเป็นกลไกอย่างหนึ่ง ในการป้องกันตัวเอง จากสภาพอากาศที่หนาวเย็น จึงทำให้เปรียบเป็นความเหมือน ของภูมิศาสตร์ ทะเลสาบเนตรอน

ที่มา: ‘แนวหาดสีแดง’ ธรรมชาติแปลกตาในเหลียวหนิง [1]

ที่นี่ ประหนึ่งแหล่งของนกหายาก

นอกจากความสวยงาม ของหาดทรายสีแดงแล้ว ยังเป็นที่อยู่อาศัย ของนกหายากหลายชนิด เช่น นกกระเรียนนางพญา และนกนางนวลสีดำ [2] ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักดูนก และนักธรรมชาติวิทยา เดินทางมาเยือนกันอย่างมาก ทำให้ในแต่ละปี มีคนเข้าชมมากกว่าปีละ 2,000,000 คน

ทำไมหาดสีแดง เป็นสวรรค์ของนก

ประกาศ หาดสีแดง พื้นที่คุ้มครองของรัฐ

ทางการจีนได้ประกาศให้ หาดสีแดงเป็นพื้นที่ คุ้มครองของรัฐ ตั้งแต่ปี 1988 นับเป็นการตัดสินใจ ที่ชาญฉลาด และมีวิสัยทัศน์อย่างยิ่ง เพราะเป็นก้าวสำคัญในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่ง ที่เปราะบางแห่งนี้ [3]

ส่งผลดีต่อหาดสีแดง  

  1. การคุ้มครอง ช่วยรักษาความสมดุล ของระบบนิเวศชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นแหล่งอาศัย ของนกหายาก และสัตว์ป่าอื่นๆ
  2. การประกาศเป็นพื้นที่คุ้มครอง จะช่วยลดกิจกรรม ที่อาจทำลายหาด เช่น การท่องเที่ยวที่ไม่ควบคุม การสร้างสิ่งก่อสร้าง การปล่อยมลพิษ
  3. การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ สาหร่ายทะเลสีแดง และระบบนิเวศโดยรอบ จะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติ ของหาดสีแดงได้ดียิ่งขึ้น

สิ่งที่ต้องทราบ ก่อนมาเที่ยวชม

หาดสีแดง

สรุป หาดสีแดง

สรุป หาดสีแดง เป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจ ทั้งหาดจะรายล้อม ไปด้วยสีแดงสด และมีนกหลายชนิด ที่อาจจะพบเห็นได้ยาก แต่ที่นี่นั้นมีให้นักท่องเที่ยวได้ชม

อ้างอิง

[1] xinhuathai. (October 26, 2022). ยล ‘แนวหาดสีแดง’ ธรรมชาติแปลกตาในเหลียวหนิง. Retrieved from xinhuathai

[2] greenlandholidaytour. (January 23, 2020). RED BEACH สถานที่ท่องเที่ยวมหัศจรรย์ แห่งเมืองผานจิ่น ประเทศจีน. Retrieved from greenlandholidaytour

[3] blockdit. (April 6, 2019). หาดสีแดงหรือเรดบีช ที่ ประเทศจีน. Retrieved from blockdit

ทะเลสาบอินเล มักจะเล่าถึงวิถีชีวิตของผู้คน ที่อาศัยอยู่แถวๆ ริมทะเลสาบนี้ ซึ่งพวกเขาอาศัยมานาน กว่า 100 ปี แต่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ลองติดตามชมในบทความ

ข้อมูล ทะเลสาบอินเล และลักษณะทั่วไป

ทะเลสาบอินเลตั้งอยู่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา (พม่า) ห่างจากเมืองตองจี ประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ เป็นอันดับสองของพม่า มีพื้นที่ประมาณ 116 ตารางกิโลเมตร [1] มีความโดดเด่น ด้วยหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งคล้ายๆ กับทะเลสาบน้ำจืดของ ลากูนาเดบัย

วิถีชีวิตของชาวอินทา ที่มีต่อทะเลสาบอินเล

ชาวอินทา เป็นชนกลุ่มน้อย ที่มีวิถีชีวิต อันเป็นเอกลักษณ์ อาศัยอยู่ริมทะเลสาบอินเล ชีวิตของพวกเขา มีความผูกพันที่แน่นหนา ซึ่งมีการปรับตัว ให้เข้ากับสภาพแวดล้อม โดยสร้างบ้านเรือนบนเสา ที่ปักลงไปในน้ำ ทำให้บ้านเรือน ลอยตัวอยู่เหนือน้ำ [2]

ชาวอินทาส่วนมาก ทำอาชีพอะไร

อยากรู้ไหมว่า ชาวอินทามีอาชีพอะไรบ้าง? พวกเขาไม่ได้มีเพียงอาชีพเดียว แต่มีหลากหลายอาชีพ ที่น่าสนใจ ซึ่งล้วนแล้วแต่ สะท้อนให้เห็น ถึงความสามารถ และภูมิปัญญาของชาวอินทา ในการดำรงชีวิตอย่างผาสุก ในสภาพแวดล้อม ที่อาจจะไม่เป็นใจ แต่ก็ทำให้ที่นี่ มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ความน่าสนใจใน ทะเลสาบอินเล

ทะเลสาบอินเล

นักท่องเที่ยวสามารถ ล่องเรือชมวิถีชีวิตชาวอินทา เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จะได้สัมผัสวิถีชีวิต ของชาวอินทา อย่างใกล้ชิด ต่อมา เยี่ยมชมโรงงานทำผ้าไหม เนื่องจากชิวอินทา

มีฝีมือในการทอผ้าไหม ที่มีชื่อเสียง สามารถเข้าชม โรงงานทำผ้าไหม และเรียนรู้ขั้นตอนการผลิต และยังเดินป่าชมธรรมชาติ รอบทะเลสาบอินเล มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ อย่างเต็มปอด

ที่มา: Inle Lake' วิถีแปลงเกษตรลอยน้ำฉบับเมียนมาร์ [3]

ช่วงเวลาไหน เหมาะที่จะเดินทาง

ช่วงเวลาที่เหมาะสม ในการเดินทางมาเที่ยว ทะเลสาบอินเลคือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน - เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว อากาศเย็นสบาย ไม่ทำให้ร้อนจนหงุดหงิด เป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยว ที่ใครต่อใคร มักจะมาในช่วงนี้ แต่หากไม่อยากเจอผู้คนมากมาย แนะนำมาช่วงฤดูร้อนก็ได้

เดินทางด้วยวิธีใดได้บ้าง

สรุป ทะเลสาบอินเล

สรุป ทะเลสาบอินเล สถานที่แห่งนี้ จะเกี่ยวเนื่องมาจาก วัฒนธรรมของชาวอินทา ที่จะอนุรักษ์ความเป็นตัวเองเอาไว้ ทำให้ที่นี่เป็นจุดเด่นในการท่องเที่ยว ของประเทศเมียนมา (พม่า)

อ้างอิง

[1] wikipedia. (December 29, 2022). ทะเลสาบอี้นเล่. Retrieved from wikipedia

[2] blockdit. (August 3, 2021). วิถีชีวิตแบบชาวบ้าน Inle Lake'. Retrieved from blockdit

[3] urbancreature. (July 1, 2020). Inle Lake' วิถีแปลงเกษตรลอยน้ำฉบับเมียนมาร์. Retrieved from urbancreature

คาสิโนออนไลน์
SEXY BACCARAT
SA GAMING
WM CASINO
PG SLOT
JOKER GAME
โปรโมชั่น
สมาชิกใหม่รับโบนัส
แตกแจกเพิ่ม
ฝากแรกของวัน
กงล้อลุ้นโชค
ขาประจำ
ติดต่อเรา
LINE OA
TELEGRAM
แจ้งปัญหา
Betdog-LogoLINE ID : @bdog9Betdog-line
Betdog-bank
Copyright © 2023 Supported by BETDOG
Logo-BetdogLINE ID : @bdog9Betdog-lineBetdog-bankCopyright © 2023 Supported by BETDOG
Betdog-Homeหน้าหลักBetdog-Promotionโปรโมชั่นBetdogBetdog-RegisterสมัครสมาชิกBetdog-eventกิจกรรม
line-Betdog
football-funpgslot