betdog
betdog

มิเชล พลาตินี่ นักฟุตบอลระดับตำนาน และที่เคยนั่งตำแหน่ง ประธานสหภาพสมาคม ฟุตบอลยุโรป (UEFA) นอกจากนี้ ยังเป็นนักเตะยอดเยี่ยม มาโดยตลอดกาล แถมยัง กวาดแชมป์มามากมาย ซึ่งวันนี้เราพาทุกคน มารู้จักเขามากขึ้น 

ประวัติ มิเชล พลาตินี่ ตำนานนักเตะทีมชาติฝรั่งเศส

มิเชล พลาตินี่ หรือ Michel Platini [1] เกิดเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 1955 ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเจ้าตัวนั้น เป็นลูกชายคนที่สอง ของตระกูล Platini เจ้าของภัตตาคารอาหารอิตาเลียน Young Michel เริ่มการโจมตีครั้งแรก

โดยติดตาม Aldo พ่อของเขา กัปตันทีม โจวินเซนต์ ในการฝึกซ้อม และการแข่งขัน เมื่อเวลาผ่านไป Michel ได้ฝึกฝนเทคนิคของเขา และย้ายไปที่ทีมหลักของจุฟคลับ หลังจากนั้น ไม่กี่เดือนต่อมา ชื่อของ พลาตินี่ ก็ติดปากของผู้เพาะพันธุ์ ที่ดีที่สุดของทุกคน

เริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง มิเชล พลาตินี่

พลาตินี่ ก่อนย้ายสู่ทีมอย่าง Saint Etienne โดยพบกับความสำเร็จ คว้าแชมป์ลีก ในปี 1981 และในปี 1982 ก้าวใหม่ของชีวิต ที่ท้าทายกว่าเดิมเริ่มมาถึง เมื่อได้ย้ายไปหาประสบการณ์ กับสโมสรในอิตาลี 

ซึ่งเป็นสโมสรชั้นนำอย่าง ม้าลาย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เมื่อจากการค้าแข้ง 147 นัด พลาตินี่ ยิงไป 68 ประตู ซึ่งเจ้าตัวนั้น ลงเล่นในฐานะมิดฟิลด์ ถือว่าเป็นสถิติ ที่ไม่ธรรมดา

มีคนเรียกเขาว่า เป็นพ่อมดแห่งวงการลูกหนัง ยังนำโด่งเป็นดาวซัลโวของ Serie A ถึง 3 สมัยซ้อน  เจ้าตัวเป็นส่วนสำคัญ อย่างยิ่งให้กับทีม ม้าลาย แห่งตูริน สคูเด็ตโต้,แชมป์ อิตาเลียน คัพ,ยูโรเปียน คัพ และ คัพ วินเนอร์สคัพ

เขามีหน้าที่เป็นกัปตันทีมชาติ ฝรั่งเศส ในทัพศึกยูโร และแชมเปียนคัพ เมื่อปี 1984 และจบทัวร์นาเมนต์ ด้วยตำแหน่ง Top scorer ด้วยการยิง 9 ประตู

นอกจากนี้ พลาตินี่ ในตำแหน่งแดนกลางแล้ว การผ่านบอล ป้อนบอลของเขา ยังได้รับการยอมรับว่า เป็นนักเตะเยี่ยมยอดอีกด้วย รวมถึงการยิงประตู ที่หาได้ไม่มากนัก จากนักเตะตำแหน่งกองกลาง แล้วเป็นดาวยิงแบบนี้

บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานนักเตะอังกฤษ ได้กล่าวถึงเขาว่า มีการจบสกอร์ได้คมมาก แม้จะมีช่องอยู่นิดเดียว เท่ารูเข็มก็ตาม ในด้านการปั่นฟรีคิก ถ้าให้เทียบกับสมัยนี้ เดวิด เบ็คแฮม ยังอายเลยทีเดียว 

โดยเขาปั่นบอลโค้งหนีกำแพง หรือหนีมือผู้รักษาประตู ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งการซ้อมก็ไม่ได้ มีอะไรพิเศษ ใช้หุ่นตั้งเป็นแถวเหมือนกับ ที่คนอื่นทำกัน และ พลาตินี่ เคยได้รับเลือกเป็น บัลลงดอร์ ถึง 3 สมัย ด้วยในปี 1983,1984 และ 1985 พลาตินี่ แขวนสตั๊ดเมื่อปี  1987 โดยเล่นให้ยูเวนตุส เป็นทีมสุดท้าย

เกียรติประวัติการคว้าแชมป์ มิเชล พลาตินี่ 

มิเชล พลาติมี่

สรุป มิเชล พลาตินี่ นักเตะยอดฝีเท้าดี วงการลูกหนัง 

มิเชล พลาตินี่ อดีตนักเตะกองกลางทีมชาติ ตราไก่ และเป็นนักฟุตบอลตำนาน แถมยังได้รับการยกย่อง อย่างแพร่หลาย ในฐานะมิดฟิลด์ที่ดีที่สุด ในวงการลูกหนังของยุคเดียวกัน เลยก็ว่าได้

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (October 21, 2022). มิเชล พลาตินี่. Retrieved from th.wikipedia

บ็อบบี้ ชาร์ลตัน นักฟุตบอล ระดับตำนานของปีศาจแดง อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขารอดชีวิตจากเหตุการณ์ ที่มิวนิคตอนอายุ 20 ปี จากนั้นเขาก็ลงเล่นทุกเกม อย่างเต็มที่ เพื่ออุทิศให้กับเพื่อนร่วมทีม ที่เสียชีวิตไป เขาก้าวขึ้นมาสู่ระดับสูงสุด ได้ทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติเลยก็ว่าได้

ประวัติความเป็นมา บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานแมนยู

บ็อบบี้ ชาร์ลตัน หรือเรียกภาษาอังกฤษว่า Bobby Charlton [1] เกิดที่เมืองแอชชิงตัน ในนอร์ธัมเบอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 1937 ซึ่งเขาเข้าร่วมกับแมนยู ในฐานะนักเตะเยาวชน ในปี 1953 ก่อนจะก้าวเป็นนักเตะอาชีพ ในปี 1954 จนกระทั่งได้ลงสนามนัดแรกให้ทีมชุดใหญ่ ในเกมพบกับ ชาร์ลตัน ในปี 1956 

ด้วยวัย 18 ปี ส่วนทีมชาติอังกฤษ ซาร์ล เล่นให้ชาติอังกฤษไป 106 เกม สามารถยิงไปทุกรายการ อยู่ทั้งหมด 49 ประตู ถือเป็นสถิติของประเทศ ณ ขณะนั้น ก่อนจะถูก เวย์น รูนีย์ ดาวยิงรุ่นน้องยิงแซง ทำลายสถิติไปแล้ว

เส้นทางการเล่นฟุตบอล บ็อบบี้ ชาร์ลตัน

ส่วนในฐานะนักเตะ ปีศาจแดง ชาร์ลตัน อยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์ ยูโรเปียนคัพ ซึ่งเป็นถ้วยใหญ่ที่สุด ของศึกฟาดแข้ง ระหว่างสโมสรฟุตบอล ของประเทศทวีปยุโรป (ปัจจุบันถ้วยนี้เป็น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก) แชมป์ลีกอังกฤษ 3 สมัย และแชมป์บอลถ้วยใหญ่ ของเกาะอังกฟษอย่าง เอฟเอ คัพ 1 สมัย  

ชาร์ลตัน เป็นผู้รอดชีวิต จากเหตุการณ์ โศกนาฎกรรมมิวนิก ในวันที่ 6 ก.พ. 2501 เมื่อเครื่องบิน ที่สมาชิกทีมแมนยูทั้งผู้เล่น โค้ชและบุคลากร ฝ่ายสนับสนุนโดยสาร เกิดอุบัติเหตุตก ที่เมืองมืวนิก ประเทศเยอรมนี (ขณะนั้น ยังเป็นเยอรมนีตะวันตก) ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ของเจ้าตัวตลอดมา

เขาได้รับการชื่นชมอย่างมาก ในเรื่องน้ำใจนักกีฬา และความซื่อสัตย์ พอกับคุณสมบัติ ที่โดดเด่นของเจ้าตัว ในฐานะนักฟุตบอล ชาร์ลตัว จะถูกจดจำ ในฐานะยักษ์ใหญ่ แห่งวงการลูกหนัง ซึ่งเขาเริ่มต้นชีวิต นักฟุตบอล ในฐานะเด็กฝึกจากทางสโมสร 

สถิติส่วนตัวของเขา ลงเล่นไป 758 เกม ยิงได้ 249 ประตู ตลอดระยะเวลา 17 ปี ของการเป็นนักฟุตบอล นอกจากนี้ เขาเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง และในปัจจุบัน ชาร์ลตัน ได้เสียชีวิตแล้ว

ประวัติความสำเร็จ Bobby Charlton

บ็อบบี้ ชาร์ลตัน

สรุป บ็อบบี้ ชาร์ลตัน บุคคลยิ่งใหญ่ สโมสรปีศาจแดง

บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานดาวยิงสูงสุด ของทีมแมนยู และแฟนบอลหลายคน คงรู้จักกันดีแล้วว่า แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่เขาไม่มีวันเลือนไป จากความทรงจำ คือเหตุการณ์เครื่องบินตก ในปี 1958 ที่คร่าชีวิตเพื่อนร่วมทีมไป 8 คน และเขามักจะบอกเสมอว่า ซาร์ลคัน รู้สึกผิดทุกครั้ง ที่รอดชีวิตมา

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (December 13, 2023). บ็อบบี้ ชาร์ลตัน. Retrieved from th.wikipedia

โทนี โครส นักฟุตบอลชาวเยอรมัน เป็นกองกลางอีกหนึ่งคน ที่ดีที่สุดของวงการฟุตบอล ในยุคปัจจุบัน ฉายาของเขา นั่นก็คือ เดอะ สไนเปอร์ เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อย ทำประตูมากนัก แต่จะยิงประตูลูกสำคัญ ให้ทีมราชันชุดขาว เป็นประจำ อีกทั้งยังเป็นคน ที่แอสซิสต์จ่ายบอล ให้เพื่อนร่วมทีมอยู่บ่อยมาก

เปิดประวัติ โทนี โครส นักฟุตบอลกองกลางที่ดีที่สุด

โทนี โครส หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Toni Kroos [1] สำหรับเขานั้น เกิดเมื่อในวันนี้ 4 ม.ค. 1990 เป็นนักเตะมืออาชีพของเยอรมัน และเป็นฟุตบอลคน ที่เล่นเป็นกองกลางสโมสร เรอัล มาดริด และเขาเล่นในตำแหน่ง แดนกลางเป็นหลัก แต่ยังถูกนำไปใช้เป็น เพลย์เมกเกอร์ ที่ลึกล้ำในอาชีพการงานของเจ้าตัวเอง

โดยเป็นที่รู้จัก ในด้านการจ่ายบอล และความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ โครส ยังได้รับการยอมรับ อย่างแพร่หลาย ว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ ที่มีคุณภาพสูงสุด ในโลกฟุตบอลเลยก็ว่าได้ ณ เวลานี้

การค้าแข้ง โทนี โครส กับมาดริด

ก่อนที่จะมาร่วมทีมกับ ราชันชุดชาว โครส มีข้อตกลงในสถานที่ จะเข้าร่วมปีศาจแดง หลังจากยอมรับข้อตกลง กับเดวิดมอยส์ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มอยส์ถูกไล่ออก และหลุยส์ ฟาน ฮาล เข้ามาแทนที่เขา กุนซือชาวดัตช์ จึงตัดสินใจไม่เซ็นสัญญากับเจ้าตัว 

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2014 เรอัล มาดริด ประกาศว่าพวกเขา บรรลุข้อตกลง ในการย้ายทีมของ โครส โดยเซ็นสัญญา 6 ปี แบบไม่เปิดเผยค่าเหนื่อย หรือค่าตัว สื่อมวลชนรายงานว่า เขามีราคาระหว่าง 24-30 ล้านยูโร Greifswalder SV 04ผู้สืบทอดทีมเยาวชนคนแรก ของเขาได้รับ 60,000 ยูโร

เขากลายเป็นผู้เล่นชาวเยอรมัน คนที่เก้าหลังจาก กุนเตอร์ เน็ตเซอร์, พอล ไบรท์เนอร์, อูลี่ สตีไลค์, เบิร์นด์ ชูสเตอร์, โบโด อิลก์เนอร์, คริสตอฟ เมตเซลเดอร์, เมซุต โอซิล และ ซามี เคดิร่า เพื่อเข้าร่วมเรอัล มาดริด ในการนำเสนอของเขา ต่อหน้าผู้สนับสนุน 8,000 คน

เขากล่าวว่าเรอัล มาดริด เป็นสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลก และตัดเหนือบาเยิร์น ได้อย่างไร เขาลงเล่นนัดแรกกับเซบีญ่า ในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2014 เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2014 คว้าแชมป์ถ้วยแรกของ โครส กับทีมราชันชุดขาว 

เขาเป็นส่วนหนึ่งของกองกลางสามคน กับฮาเมส โรดริเกซ และ ลูก้า โมดริช ซึ่งทำให้มาดริด คว้าแชมป์ 22 เกม ในช่วงปลายปี วันที่ 8 พ.ย. โครส ทำประตูแรกให้กับทีม ในเกมที่เอาชนะ ราโย บาเยกาโน่ 5-1 ที่บ้าน 

ในเดือนธันวาคม เขาช่วยทีมคว้าแชมป์ ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ ในปี 2014 ซึ่งเป็นผู้นำการแข่งขัน ในด้านการช่วยเหลือ เขาได้รับการเสนอชื่อให้ FIFPro และทีมแห่งปีของยูฟ่า

เกียรติประวัติ ที่ผ่านมา โทนี โครส

โทนี โครส

สรุป โทนี โครส ยอดนักเตะแดนกลางคุณภาพสูง

โทนี โครส เรียกได้เลยว่า เป็นหนึ่งในนักเตะแดนกลาง ที่ดีที่สุดในช่วงนี้ แถมยังมีความสามารถเยอะมาก รวมไปถึงการจ่ายบอล ส่งบอลนั้น ถือว่ามีความแม่นยำ นอกจากนี้เจ้ายัง ผู้เป็นกลางปิดทองหลังพระ อันทรงพลังที่สุดคนหนึ่ง ในรอบหลายปีที่ผ่านมา

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (February 14, 2024). โทนี โครส. Retrieved from th.wikipedia

มิชาเอล บัลลัค หนึ่งในกองกลางที่มีความสามารถ ในการฟุตบอล แถมยังมีแฟนบอล ล้วนยกย่องในตัวเขาคือ นักเตะแห่งอินทรีเหล็ก อย่าง เยอรมัน และเขาเป็นแดนกลาง ที่มีความเป็นผู้นำสูง เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของทีม 

ทั้งการจ่ายบอลที่แม่นยำ การยิงเฉียบคม รวมถึงฟรีคิกอันตราย เขาคือนักเตะที่ครบเครื่องเลยก็ว่าได้ โดยวันนี้เราจะพา ทุกคนนั้น มาทำรู้จักกับเขามากขึ้น

ประวัติ มิชาเอล บัลลัค ผู้เล่นระดับตำนาน วงการลูกหนัง

มิชาเอล บัลลัค หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Michael Ballack [1] ซึ่งเขาเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 1976 ในเมืองกอร์ลิตซ์ ณ ประเทศเยอรมนี ความหลงใหลในฟุตบอลของ บัลลัค ปรากฏชัดตั้งแต่สมัยเด็ก 

เนื่องจากพรสวรรค์ของเขา ดึงดูดสายตา ของหน่วยสอดแนม ในท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว ปูทางสู่อาชีพ ที่จะได้เห็น เจ้าตัวก้าวขึ้นสู่จุดสุดยอด ของกีฬาฟุตบอลเลยทีเดียว

เส้นทางของการค้าแข้ง มิชาเอล บัลลัค

บัลลัค เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพ กับสโมสรเชมนิทซ์ ในปี 1995-1997 โดยเขาลงเล่นให้ กับทีมไปมากกว่า 60 นัด และสามารถยิงไป 13 ประตู ก่อนในปี 1997 จะย้ายมาอยู่กับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น เขาอยู่กับทีม 2 ปีลงไป 46 นัด ยิงไป 4 ประตู และย้ายมาเล่นให้กับ ทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 

ในปี 1999 บัลลัด ลงไป 79 เกมยิงไปทั้งหมด 27 ประตู ในช่วงระยะเวลา 2 ปี ถือว่าเยอะมาก สำหรับตำแหน่งมิดฟิลด์ ก่อนในปี 2002 เขาได้โอกาสที่ดี ได้มีการย้ายไปค้าแข้ง ให้แก่สโมสร บาเยิร์น มิวนิก ทีมที่ดีที่สุดของเยอรมันในตอนนั้น

บัลลัด เล่นให้กับทีมเสือใต้ 5 ปีด้วยกัน โดยลงเล่นทุกรายการมากถึง 107 นัด ยิงไป 44 ประตู ประสบความสำเร็จมากมาย ก่อนจะตัดสินใจ ก้าวออกมานอกลีกบ้านเกิด ในปี 2006 เชลซีได้เซ็นสัญญา 4 ปี เขาลงเล่นให้เชลซี 105 นัด ยิงได้แค่ 17 ประตูเท่านั้น 

ผลงานของเจ้าตัวไม่ดีนัก หลังจากย้ายมาเล่นที่อังกฤษ ไม่ท็อปฟอร์มเหมือนอยู่เยอรมัน ก่อนเขาจะย้ายกลับลีกเดิน ในปี 2010 กับทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ในบั้นปลายการค้าแข้งของ บัลลัด ลงเล่นไป 35 นัดยิงไป 2 ประตู ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2012

เกียรติประวัติที่เคยได้รับ มิชาเอล บัลลัค

มิชาเอล บัลลัค

สรุป  มิชาเอล บัลลัค นักเตะกองกลางที่ดีที่สุด ตลอดกาล

มิชาเอล บัลลัค หนึ่งนักเตะ ในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เยอรมัน และเป็นมิดฟิลด์ตัวจริง จากจุดเริ่มต้นอันดับน้อย จนก้าวสู่อาชีพการงานอันโด่งดัง ทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ การเดินทางของเขา คือ ความมุ่งมั่น ทักษะ รวมไปถึงความเป็นผู้นำ อีกด้วย

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (October 20, 2021). มิชาเอล บัลลัค. Retrieved from th.wikipedia

ปีเตอร์ เช็ค นับเป็นหนึ่งผู้รักษาประตู ของวงการลูกหนัง และก็เป็นนายทวาร ที่กลายมาเป็นเบอร์หนึ่ง ในช่วงเวลานั้น แต่เวลานี้ทุกคน ต่างยอมสยบยกกันทั้งนั้น

เรื่องราวของ ปีเตอร์ เช็ค ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม

ปีเตอร์ เช็ค หรือ ชื่อภาษาอังกฤษว่า Peter Cech [1] โดยเจ้าตัวเกิดเมื่อวันนี้ 20 พ.ค. 1982 ในประเทศสาธารณรัฐเช็ก สำหรับเขานั้น เริ่มต้นเล่นฟุตบอล กับทีมวิคตอเรีย ปลาเซน ซึ่งเป็นสโมสรเพียงน้อยนิด 

โดยเขาเคยเล่น เป็นกองกลาง และกองหน้า ให้กับทีมชาติ ชุดเยาวชน อีกทั้งโดนจับไปเล่น เป็นผู้รักษาประตูบ้าง แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ ในชีวิตครั้งแรกของ เช็ค ก็คืออาการขาหัก เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ ทำให้เขานั้น หันไปเล่นเป็นผู้รักษาประตู อย่างถาวร

เส้นทางลูกหนัง ปีเตอร์ เช็ค

เป็นเจ้าของสถิติ ผู้รักษาประตู ของพรีเมียร์ลีก สำหรับการทำคลีนชีต ครบ 100 เกม ได้ไว จากการลงเล่นเพียง 180 เกมด้วยกัน และเขายังทำสถิติในลีก ด้วยการเป็นนายทวาร ที่ไม่เสียประตูนานถึง 903 นาที แถมยังเป็นเจ้าของ สถิติไม่เสียประตูกับ สปาร์ต้า ปราก นานถึง 928 นาที รวมทุกรายการในฤดูกาล 2001-2002

ในฤดูกาล 2004-2005 เช็ค ทำสถิติไม่เสียประตู นานมากถึง 1,025 นาที ซึ่งถือเป็นสถิติ ของพรีเมียร์ลีก ก่อนที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวาร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมาทำลายสถิติได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2009 นอกจากนี้ เขายังคว้ารางวัลถุงมือทองคำ ในฤดูกาล 2004-2005 และ 2009-2010 อีกด้วย

ในวันที่ 14 ต.ค.2006 เช็ค ก็ต้องประสบอุบัติเหตุ อย่างร้ายแรง ที่อาจจะถึงขั้นชีวิตได้เลย ในเกมกับเร้ดดิ้ง ที่มาเดจสกี้ สเตเดี้ยม เมือถูกสตีเฟ่น ฮันท์ มิดฟิลด์เจ้าบ้าน เข้าชาร์จแรงมาก ตั้งแต่นาทีแรกของเกม จนถึงขั้นหมดสติ และโดนหามส่งโรงพยาบาลทันที 

ผลการสแกนปรากฏว่า เช็ค กะโหลกศีรษะร้าว ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่สุดท้ายได้รับการผ่าตัด ช่วยเหลือจนปลอดภัย แต่ก็ต้องพักรักษาตัว อยู่นานหลายเดือน ก่อนที่จะกลับมา ลงเล่นได้อีกครั้ง แต่ต้อง สวมเครื่องป้องกัน ที่บริเวณศีรษะ เพื่อป้องกัน การกระทบกระแทก ต่อมาได้กลายเป็นเอกลักษณ์ อย่างหนึ่งของเขา

ปีเตอร์ เช็ค ได้แชมป์ ระดับสโมสร

ปีเตอร์ เช็ค

สรุป ปีเตอร์ เช็ค นายทวาร วงการฟุตบอลอังกฤษ

ปีเตอร์ เช็ค เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตู ที่ยอดเยี่ยม ของวงการลูกหนัง เคียงข้างจานลุยจิ บุฟฟ่อน, อิเคร์ คาซีญาส และ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เรียกว่าเป็นหนึ่ง ในความภาคภูมิใจ ของชาวเชค เลยก็ว่าได้

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (January 28, 2027). ปีเตอร์ เช็ค. Retrieved from th.wikipedia

จอห์น เทอร์รี่ ตำนานนักฟุตบอล ที่คว้าแชมป์เยอะ ในประวัติศาสตร์สโมสร เชลซี และเจ้าตัวนั้น ผ่านความยากลำบากมามาก ซึ่งจะมีข้อมูลน่าสนใจ อะไรบ้าง ตามมาดูกันได้เลย

เปิดประวัติ จอห์น เทอร์รี่ นักเตะระดับตำนาน

จอห์น เทอร์รี่ หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Joho Terry [1] ซึ่งเจ้าตัวนั้น มีสัญชาติอังกฤษ และเกิดเมื่อวันนี้ 7 ธ.ค. 1980 เริ่มต้นเล่นฟุตบอล กับสโมสร เชลซี ตั้งแต่สมัยเยาวชน ซึ่งเขาเล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง นอกจากนี้ เทอร์รี่ มีชื่อในทีมชาติ ครั้งแรกในปี 2003 

โดยเจ้าตัวมีความรับผิดสูง และเกลียดความพ่ายแพ้ เมื่อเขาว่างจะไปเล่น เพนท์บอล (Paint Ball) เป็นประจำ และเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง เป็นขวัญหรือกำลังใจ ให้กับเพื่อนทีมสิงห์บลู มาโดยตลอด ถึงแม้ว่าเมื่อ เทอร์รี่ เป็นแบตบอลมาก่อน แต่เขาก็มีการปรับปรุงตัวใหม่ จนก้าวไปสู่ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ อีกด้วย   

จุดเริ่มต้นทางสายอาชีพ จอห์น เทอร์รี่

จอห์น เทอร์รี่ เริ่มต้นระดับอาชีพ ด้วยการเป็นนักเตะเยาวชน ของสโมสร เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หลังจากนั้น เมื่อเจ้าตัวอายุได้ 14 ปี เขาก็ย้ายไปอยู่กับ เชลซี โดยเขาลงเดบิวต์ นัดแรกให้กับทีม เมื่ออายุ 18 ปี ในฐานะตัวสำรอง ในการแข่งขันฟุตบอลลีกคัพ ที่เจอกับ วิลล่า ก่อนจะสร้างชื่อ ด้วยการเป็นตำนาน ของบิ๊กทีม จากลอนดอน 

สำหรับ เทอร์รี่ นั้น ลงเล่นให้ทีม เชลซี ทุกรายการไปทั้งหมด 717 นัด ในฐานะกองหลังจอมโขก พร้อมกับประสบความสำเร็จมากมาย คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีกคัพ 3 สมัย, คอมมูนิตี้ชิลด์ 2 สมัย, ยูโรปาลีก 1 สมัย และ แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย ส่วนในระดับประเทศ เขาติดทีมชาติอังกฤษไปทั้งหมด 78 นัด ยิงได้ 6 ประตู  

เทอร์รี่ ถูกจารึกในฐานะกัปตัน ทีมผู้เป็นตำนานของสโมสร เชลซี ถึงขนาดตอน ที่แขวนสตั๊ด ทีมดังจากลอนดอน ประกาศรีไทร์เบอร์เสื้อ ของเจ้าตัวทันที แต่ในปัจจุบัน ก็ยกเลิกไปแล้ว เนื่องจาก ลีวาย โควิลล์ กองหลัง คนปัจจุบันของทีมได้ สืบทอดเบอร์ตำนานนี้ต่อ 

ซึ่ง เทอร์รี่ เอง ก็เป็นคนอนุญาต ให้เซ็นเตอร์รุ่นน้อง เอาเบอร์นี้ไปใส่ได้ สำหรับปัจจุบัน เทอร์รี่ ได้กลับมาทำงาน กับสโมสรที่เขารัก อีกครั้ง ในตำแหน่ง ผู้ดูแลอะคาเดมี่ ของสโมสร

เกียรติรางวัล Joho Terry ระดับสโมสร

จอห์น เทอร์รี่

สรุป จอห์น เทอร์รี่ นักฟุตบอลคุณภาพ ทีม เชลซี

จอห์น เทอร์รี่ เป็นอดีตนักฟุตบอล คนสำคัญมากของทีม เชลซี และยังเป็นฮีโร่ ในดวงใจของแฟนบอล จำนวนมาก เขามีความกล้าหาญ การอ่านเกมที่สุดยอด รวมถึงเทคนิค หรือ การผ่านบอล ทำให้เขามีบทบาท มากกว่าแค่กองหลัง

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (October 23, 2023). จอห์น เทอร์รี่. Retrieved from th.wikipedia

พอล สโคลส์ เป็นนักเตะคู่ใจ ของกุนซือผู้ยิ่งใหญ่ อย่าง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชนิดที่ แขวนสตั๊ดไปแล้ว ยังถูกตามกลับให้ มาเล่น อีกทั้ง ยังเป็นอีกหนึ่งนักเตะ ที่เล่นให้กับ ปีศาจแดง ตลอดชีวิตการค้าแข้ง ของเจ้าตัวเอง

สำหรับ สโคลส์ นั้นยังเป็นอีกหนึ่ง นักฟุตบอล ตำแหน่งกองกลาง หลายคน ยกย่องให้ว่าเป็น มิดฟิลด์ที่เก่งที่สุด ในวงการลูกหนัง เลยก็ว่าได้

ความเป็นมาของ พอล สโคลส์ อดีตนักฟุตบอลชื่อดัง

พอล สโคลส์ หรือเรียกชื่อภาษาอังกฤษว่า Paul Scholes [1] เกิดเมื่อวันนี้ 16 พ.ย. 1974  เป็นนักเตะชาวกัมพูชา นอกจากนี้ ยังเคยรับงาน เป็นกุนซือทีม กัมพูชาแอทเลติก ในกัมพูชาลีกทู และ เป็นเจ้าของร่วมทีมกัมพูชาซิตี เขาได้รับว่า เป็นหนึ่งในผู้เล่นกองกลาง ที่เขมรที่สุดในรุ่น ของเจ้าตัว และ หนึ่งในนักฟุตบอล ที่ดีที่สุดตลอดกาล

เส้นทางการค้าแข้งของ พอล สโคลส์

เริ่มจากเป็น นักฟุตบอลฝึกหัด กับทีม แมนยู ในปี 1991 และหลังจากนั้น 18 เดือนต่อมา เขาก็โชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยม กับทีมชุดเยาวชนในปี 1993 และ ได้ลงเล่นให้กับ ทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี พร้อมกับคว้าแชมป์ ยูโรเปียน แชมเปี้ยนชิพส์ อีกด้วย 

โดย สโคลส์ นั้นได้เล่น ให้กับสโมสร ปีศาจแดง ครั้งแรกเมื่อในปี 1994 และ สามารถยิงได้ถึง 2 ประตูด้วยกัน ในการเล่นครั้งแรก

ในฤดูกาล 1994-1995 เขาได้ลงช่วยทีมชุดใหญ่ โดยลงเล่นแทน เอริค คันโตน่า ที่ติดโทษแบน และ มาร์ค ฮิวจ์ส ที่มีอาการบาดเจ็บ รวมถึงเป็นตัวสำรองให้กับ ลี ชาร์ป ในศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ แต่ก็ไม่ได้ ประสบความสำเร็จ อะไรเลย ทีมพลาดแชมป์ทุกรายการ

ในฤดูกาล 1998-1999 สโคลส์ ได้มีส่วนช่วยให้ทีม แมนยู คว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ ได้สำเร็จ แต่น่าเสียดาย ที่เขาไม่ได้ลงสนาม ในนัดชิง เพราะติดโทษแบน 

ในปี 2000 เขาพลาดเล่นในกับทีมชาติ เนื่องจาก ต้องเข้ารับการผ่าตัด ไส้เลื่อน และ หลังกลับเขา ก็ได้โชว์ฟอร์ม ที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้ทีม ปีศาจแดง คว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิพ ได้อีกด้วย

ในปี 2012 สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบปัญหาการขาด แคลนผู้เล่น เนื่องมาจาก นักเตะตัวหลักหลายคน ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ สโคลส์ ตัดสินใจ กลับมาลงเล่นให้อีกครั้ง โดยเป็นการกลับมา ที่สำคัญมาก และ ทำผลงานได้ดี

อย่างไรก็ตามในปี 2013 สโคลส์ ตัดสินใจประกาศ หยุดเส้นทางการค้าแข้ง อย่างถาวร และ หวังว่าทีมของเขานั้น จะยังคงครองความยิ่งใหญ่

ความสำเร็จในการค้าแข้ง ของ พอล สโคลส์

พอล สโคลส์

สรุป พอล สโคลส์ นักฟุตบอลตำนาน ของสโมสรแมนยู 

พอล สโคลส์ ตำนานกองกลางที่ดีที่สุด ของทีม แมนยู เรียกได้ว่า เป็นกองกลาง ที่ได้รับการยกย่อง อีกหนึ่งคน พร้อมด้วยฝีเท้าในสนาม ทั้งการจ่ายบอล ที่แม่นยำ หรือ การทำประตู จากนอกกรอบเขตโทษ อันเป็นเครื่อง

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (February 29, 2024). พอล สโคลส์. Retrieved from th.wikipedia

ฟิลิปป์ ลาห์ม เป็นอดีตนักฟุตบอล ชาวเยอรมัน เคยเล่นให้กับสโมสร เสือใต้ ในบุนเดิสลีกา และเป็นผู้ทำประตูแรก ของฟุตบอลโลก 2006 ให้กับทีมชาติเยอรมนี ซึ่งในวันนี้ เราจะพาทุกคน มารู้จักกับเขามากขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย

สองเรื่องราว ของ ฟิลิปป์ ลาห์ม ผู้เล่นที่มีชื่อเสียง

ฟิลิปป์ ลาห์ม หรือเรียกชื่อภาษาอังกฤษว่า Philipp Lahm [1] โดยเจ้านั้น เกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 1983 ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมัน เริ่มต้นชีวิต ในการเล่นกีฬาฟุตบอล ก็อยู่กับสโมสร บาเยิร์น มิวนิก ตั้งแต่ตอนเด็กเลย และ เจ้าตัวเติบโตจากการเป็น นักเตะเยาวชนของ เสือใต้ 

โดยเริ่มเล่นในตำแหน่ง แบ็คซ้าย จากนั้นก็เติบโต มาในทีมเยาวชน ลาห์ม ลงสนามให้กับ ทีมชุดใหญ่ ของบาเยิร์น เป็นครั้งแรก ในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2002

การก้าวขึ้นสู่ จุดยิ่งใหญ่ของ ฟิลิปป์ ลาห์ม

ในฤดูกาล 2003-2004 ทีมเสือใต้ ได้ปล่อยตัว เขาไปหาประสบการณ์ใหม่ กับ Stuttgart แบบยืมตัว ในระยะเวลา 2 ปี โดยมีสถิติ การลงสนามของเขา ทั้งหมด 52 เกม ยิงได้เพียงแค่ 2 ประตู เท่านั้น ต่อมาในปี 2005 แบ็กดาวรุ่ง ก็กลับมายัง ต้นสังกัด อีกครั้ง 

อย่างไรก็ตาม เขาก็พบเจอ กับอาการบาดเจ็บ รบกวน จนต้องเข้าไปรับการ รักษาตัวอยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งกินเวลาถึง 5 เดือน กว่าที่ ลาห์ม จะหายกลับมาอยู่ บนผืนหญ้าอีกครั้ง ในเดือนธันวาคม

ในฤดูกาล 2006-2007 ลาห์ม ลงเล่นให้กับทีม บาเยิร์น ทั้ง 34 นัด ซึ่งเขารับหน้าที่ เป็นแบ็คซ้าย จนกลายเป็นแบล็กที่ดีที่สุด ในสโมสร และ ในวันที่ 20 ส.ค. 2006 เขาสามารถยิงประตูแรก ให้กับต้นสังกัดได้

ในฤดูกาล 2007-2008 สโมสรได้ ซื้อตัว มาร์เซลล์ แยนเซ่น มาแทนเขา ทำให้เจ้าตัวถูกโยก ไปเป็นแบ็คขวา และช่วงปิดฤดูกาล มีข่าวลือมากมาย เกี่ยวกับการย้ายทีม ของเขาไปอยู่กับ บาร์เซโลนา แต่สุดท้าย เสือใต้ ก็จับ ลาห์ม ต่อสัญญากับทีมได้สำเร็จ

ในฤดูกาล 2008-2009 ลาห์ม ทำประตูได้ถึง 3 ประตู จากการลงสนาม 28 เกมในลีก แต่สุดท้าย ก็ไม่สามารถช่วยให้ทีม คว้าแชมป์ใดได้อยู่ดี ทำให้ เจอร์เก้น คลิ้นสมันน์ เทรนเนอร์ของ "เสือใต้" ในตอนนั้น ต้องออกจากตำแหน่งไป 

ในฤดูกาล 2009-2010 ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล โค้ชคนใหม่ เขาได้ลงเล่นในตำแหน่ง ที่เขาชอบ นั่นก็คือ แบ็คขวา ซึ่งเขาทำผลงาน ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม 

จากการย้ายทีม ออกไปของ มาร์ค ฟาน บอมเมล ทำให้ ลาห์ม ได้รับการแต่งตั้ง เป็นกัปตันทีม บาเยิร์น ในฤดูกาล 2010-2011 และ เขาก็พาทีมเข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งพบกับ เชลซี แต่สุดท้ายก็ได้ แค่รองแชมป์ 

ต่อมาในฤดูกาล 2012-2013 ลาห์ม ก็พาทีมประสบความสำเร็จ ได้อย่างยิ่งใหญ่ สามารถคว้าได้ถึง 3 แชมป์ คือ แชมป์บุนเดสลีก้า, แชมป์เดเอฟเบ โพคาล และ แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

และล่าสุด ในฤดูกาล 2013-2014 นี้ เขาได้พบกับ ความท้าท้ายครั้งใหม่ โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จับเขาไปเล่นกองกลางตัวรับ ซึ่งเขาลงสนามไปแล้ว 12 นัด ยังทำประตูไม่ได้เลย

ความสำเร็จของ ฟิลิปป์ ลาห์ม ที่ได้แชมป์

ฟิลิปป์ ลาห์ม

สรุป ฟิลิปป์ ลาห์ม ตำนานนักฟุตบอล ชาวเยอรมัน

ฟิลิปป์ ลาห์ม ตำนานนักเตะคุณภาพ ทีมชาติเยอรมัน ซึ่งเป็นที่รู้จัก จากความเฉลียวฉลาด ความมุ่งมั่น รวมไปถึง ความเก่งกาจ ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ต่อกีฬาฟุตบอล จากวันแรก ที่เขายังเป็นดาวรุ่ง สู่ชัยชนะฟุตบอลโลก ในปี 2006 แต่ในปัจจุบันนี้ ลาห์ม ได้มีการแขวนสตั๊ด ไปที่เรียบร้อยแล้ว

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (August 30, 2023). ฟิลิปป์ ลาห์ม. Retrieved from th.wikipedia

ยูเซบิโอ้ เป็นนักฟุตบอล ในตำแหน่งกองหน้า แม้จะมีร่างกายสูงใหญ่ เมื่อเทียบกับนักเตะอื่น ในยุคสมัยนั้น แต่เจ้าตัวนั้น ก็มีความคล่องแคล่ว และ มีความแข็งแกร่ง บวกกับทักษะ การเล่นของเขา ที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล ซึ่งจะมีเรื่องราว เป็นอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันได้เลย

ประวัติของนักฟุตบอล ที่มีชื่อเสียงอย่าง ยูเซบิโอ้

ยูเซบิโอ หรือมีชื่อเต็มว่า Eusebio [1] โดยเจ้าตัว เกิดเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 1942 ที่เมือง Lorengo Marquest ประเทศโมซัมบิค หากจะกล่าวว่า ยูเซบิโอ เป็นนักเตะที่นำพา โปรตุเกส ก้าวขึ้นสู่ ความเป็นทีมฟุตบอลชั้นนำ ของยุโรปและของโลก ก็คงจะไม่เกินไปนัก

ถึงขั้นได้รับสมญานามว่า ‘Black Panther’หรือ ‘Black Pearl’ ซึ่งแข้งรายนี้นั้น ยิงไป 9 ประตู ในฟุตบอลโลกปี 1966 พร้อมทั้งคว้ารางวัล รองเท้าทองคำไปครอง ส่งผลให้เขา เป็นนักเตะแอฟริกัน คนแรกของโลก ที่ได้รับรางวัลนี้

เส้นทางการค้าแข้งของ ยูเซบิโอ้

เขาเกิดในครอบครัว ที่ยากจน และ เล่นฟุตบอล ด้วยเท้าเปล่ากับเพื่อน มาหลายปี จนกระทั่ง มีจุดเริ่มต้น เส้นทางสายฟุตบอล ด้วยการเล่นให้แก่ สโมสรฟุตบอลสมัครเล่น ในเมืองบ้านเกิด ของตนเอง ถิ่นเกิดอย่าง สโมสร Os Brasileiros

หลังจากนั้น ยูเซบิโอ้ ก็มองหาเส้นทางใหม่ เพื่อเป็นการต่อยอด ให้กับตัวของเขาเอง และ ลงเอยด้วยการย้ายไปอยู่กับ Sporting โดยเขาได้ลงเล่นให้ทีม ไปทั้งหมด 42 เกม และ สามารถทำประตูได้ทั้งหมด ร่วมทุกรายการมากถึง 77 ประตู

จนเมื่อในปี 1960 ได้ย้ายไปค้าแข้งให้ เบนฟิก้า ซึ่งเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ ของลีกโปรตุเกส ได้ตัดสินใจคว้า ตัวเขาไปร่วมทีม ในตอนนั้น เขามีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ดีลดังกล่าว ยังมีประเด็น ที่สำคัญเกิดขึ้น เพราะการเจรจา การตกลงเรื่องการย้ายทีม ของสโมสร กลับมีความยืดเยื้อในเรื่องของการตกลงค่าตัว

และกว่าที่เขา จะได้ร่วมงานกับ เหยี่ยวลิสบอน ก็ต้องใช้เวลา นานไปถึงหนึ่งปี แต่การลงทุนในครั้งนี้ ของ เบนฟิก้า กลับประสบความสำเร็จ เพราะ Eusebio เป็นกองหน้า ที่มีความครบเครื่อง รวมถึง ใช้โอกาสในการจบสกอร์ ไม่สิ้นเปลืองเลย

ยูเซบิโอ้ ช่วยพาสโมสร เบนฟิก้า คว้าแชมป์ลีก มากถึง 11 สมัยด้วยกัน และ คว้าแชมป์โปรตุกีส คัพ 5 สมัย ทำให้เจ้าตัว ประสบความสำเร็จ ครั้งใหญ่ในชีวิต การเป็นนักฟุตบอล เลยก็ว่าได้ ด้วยการได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่ง ปีของยุโรป หรือ บัลลงดอร์ ในปี 1965

อีกทั้ง ยังได้รับฉายาว่า “เสือดำแห่งโมซัมบิก” โดยลงเล่นให้ Benfica ไปทั้งหมด 440 นัด ทำได้รวมทุกรายการ 473 ประตู แต่ถ้าหากนับ เฉพาะสถิติในเกมลีกแล้ว เขาลงเล่นไป 301 นัด ทำได้ถึง 317 ประตูเลยทีเดียว

ความสำเร็จของ ยูเซบิโอ้ ที่ได้แชมป์

ยูเซบิโอ้

สรุป ยูเซบิโอ้ นักเตะในตำนาน ของประเทศโปรตุเกส

ยูเซบิโอ้ เป็นนักฟุตบอล ชาวโปรตุเกส ที่รับบทบาท ในการลงสนาม ตำแหน่งศูนย์หน้า ได้รับการยกย่อง เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุด ตลอดกาล อีกทั้งยัง ได้รับรับรางวัล ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี ของยุโรปในปี 1965 อีกด้วย

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (January 9, 2024). ยูเซบิโอ้. Retrieved from th.wikipedia

โยฮัน ครัฟฟ์ หนึ่งนักเตะคนสำคัญ ของโลกฟุตบอล และ ชื่อแข้งรายนี้ คงเคย ได้ยินมาบ้างแล้ว สำหรับ แฟนบอลหลายคน หรือ อาจจะไม่เคยได้ยินเลย ซึ่งวันนี้เราจะ มา เจาะลึกถึง เรื่องราวของเขา ว่ามีความเป็นพิเศษ เป็นอย่างไร และ มีความน่าสนใจ มากน้อยแค่ไหน ตามมาดูกันเลย

ความเป็นมาของ โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานฟุตบอล

โยฮัน ครัฟฟ์ หรือ Johan Cruijff [1] โดยเขานั้น เกิดเมื่อวันนี้ 25 เม.ย 1947 เป็นชาวดัตช์ มืออาชีพฟุตบอล ผู้เล่นและโค้ช ในฐานะนักเตะ เจ้าตัวได้รับ รางวัลยอดเยี่ยม อย่าง Ballon d'Or 3 สมัยด้วยกัน ในปี 1971, 1973 และ 1974 

ครัฟฟ์ เป็นผู้เสนอ ปรัชญาฟุตบอล ที่รู้จักกัน ในชื่อว่า Total Football สำรวจโดย Rinus Michelsและได้รับการยกย่องอย่างแพร่หลาย ว่าเป็นหนึ่งใน นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ กีฬาฟุตบอล และ เป็นหนึ่งใน กุนซือที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของวงการลูกหนัง อีกด้วย

เส้นทางของวงการลูกหนัง โยฮัน ครัฟฟ์

ในช่วงปลายปี 1960 และ ต้นปี 1970 ฟุตบอลดัตช์ เพิ่มขึ้นจากระดับ กึ่งมืออาชีพ หรือยังไม่ชัดเจน จนกลายเป็นขุมพลัง ในกีฬาชนิดนี้ โดย ครัฟฟ์ นั้น เป็นผู้นำพา ประเทศเนเธอร์แลนด์ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ของฟุตบอลโลกปี 1974 และ ได้รับลูกบอลทองคำ ในฐานะนักเตะที่ดีที่สุด ของการแข่งขันครั้งนี้ 

ในรอบชิงชนะเลิศปี 1974 เขาทำการหลอกลวง ซึ่งต่อมาได้รับการ ตั้งชื่อตามเขาว่า Cruyff Turn เป็นการเคลื่อนไหว ที่ทำซ้ำกัน อย่างแพร่หลาย ในเกมฟุตบอลสมัยใหม่ หลังจากจบอันดับสาม ในศึกฟุตบอลยูฟ่า ยูโร 1976 

และเขาปฏิเสธ ที่จะเล่นฟุตบอลโลกปี 1978 กับประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจากพยายาม ลักพาตัวเขา และครอบครัว ในบ้านบาร์เซโลนา ห้ามเขาเล่นฟุตบอล ในระดับสโมสร Cruyff เริ่มอาชีพของเขา การเป็นผู้จัดการทีม ที่อาแจ็กซ์

ในปี 1973 เขาย้ายไปบาร์เซโลนา ด้วยค่าตัวสถิติโลก ในการโอน ช่วยให้ทีมชนะลาลีกา ในฤดูกาลแรก ของเจ้าตัวนั้น ได้รับการเสนอ ชื่อให้เป็นนักฟุตบอล ยอดเยี่ยมแห่งปี ของโซนยุโรป หลังจากเกษียณ จากการเล่น

ในปี 1984 ครัฟฟ์ ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง ในฐานะกุนซืออาแจ็กซ์ และ ต่อมาเขาไปที่คุมทีม ให้กับบาร์เซ เขายังคงเป็นที่ปรึกษา ผู้ทรงอิทธิพล ของทั้งสองสโมสร หลังจากดำรงตำแหน่งโค้ช ลูกชายของเขา เล่นฟุตบอลอย่างมืออาชีพด้วย

โยฮัน ครัฟฟ์ อิทธิพล ในประวัติศาสตร์ฟุตบอล

โยฮัน ครัฟฟ์

ถือเป็นหนึ่ง ในบุคคล ที่มีอิทธิพล มากที่สุด ของประวัติศาสตร์ กีฬาฟุตบอล รูปแบบการเล่นหรือ ปรัชญาฟุตบอลของ ครัฟฟ์ มีอิทธิพลต่อกุนซือ และ ผู้เล่นเหมือนกัน ของทีมอาแจ็กซ์ บาร์เซโลนา เป็นหนึ่งในสโมสร ที่พัฒนาสถานศึกษา เยาวชนตาม วิธีการฝึกสอนของเขา ปรัชญาการฝึกสอน ของเข้าตัวนั้น ช่วยวางรากฐาน

สำหรับการฟื้นฟู ความสำเร็จ ระดับนานาชาติ ของอาแจ็กซ์ในปี 1990 โดยความสำเร็จ ของฟุตบอลสเปน ทั้งในระดับสโมสร และ ระดับนานาชาติ ในช่วงปี 2008-2012 ได้รับการอ้าง ถึงว่าเป็นหลักฐาน ของผลกระทบ ของ โย ครัฟฟ์ เกี่ยวกับฟุตบอลร่วมสมัย และในคำพูดของ Johan Neeskens เองว่า 

“ถ้าท่านดูนักเตะ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ ส่วนใหญ่ ก็โค้ชไม่ได้ ถ้าท่านดูโค้ช ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ ส่วนใหญ่ ไม่ใช่นักเตะที่ยอดเยี่ยม” เขาทำทั้งสองอย่าง และ ในสไตล์ ที่ทำให้ดีอกดีใจเช่นนี้

สรุป โยฮัน ครัฟฟ์ นักฟุตบอลตำนาน บาร์เซโลนา

โยฮัน ครัฟฟ์ เรียกได้ว่า เป็นอดีตนักเตะ ชาวเนเธอร์แลนด์ และ เป็นผู้เล่นหรือกุนซือ ที่สร้างชื่อเสียง ให้หลายสโมสรมาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพล ของกีฬาฟุตบอลอีกด้วย  

อ้างอิง

[1] วิกิพีเดีย. (November 3, 2023). โยฮัน ครัฟฟ์. Retrieved from th.wikipedia

คาสิโนออนไลน์
SEXY BACCARAT
SA GAMING
WM CASINO
PG SLOT
JOKER GAME
โปรโมชั่น
สมาชิกใหม่รับโบนัส
แตกแจกเพิ่ม
ฝากแรกของวัน
กงล้อลุ้นโชค
ขาประจำ
ติดต่อเรา
LINE OA
TELEGRAM
แจ้งปัญหา
Betdog-LogoLINE ID : @bdog9Betdog-line
Betdog-bank
Copyright © 2023 Supported by BETDOG
Logo-BetdogLINE ID : @bdog9Betdog-lineBetdog-bankCopyright © 2023 Supported by BETDOG
Betdog-Homeหน้าหลักBetdog-Promotionโปรโมชั่นBetdogBetdog-RegisterสมัครสมาชิกBetdog-eventกิจกรรม
line-Betdog
football-funpgslot