Red Oak หรือ Oak Leaf Lettuce สีแดง เป็นหนึ่งในผักสลัดยอดนิยม ที่โดดเด่นด้วยใบสีแดงสด ที่มีรูปร่างคล้ายใบของต้นโอ๊ค นอกจากจะเพิ่มสีสัน ให้กับจานสลัดแล้ว เรดโอ๊ค ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทำให้เป็นทางเลือกที่ดี ทั้งในด้านรสชาติ และเพื่อสุขภาพ

Red Oak คืออะไร

ผักสลัดเรดโอ๊ค เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ ของผักชนิดใบ ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lactuca sativa หนึ่งในตระกูล Asteraceae ลักษณะเด่น ของผักสลัดเรดโอ๊ค คือใบที่มีสีแดงอ่อน ไปจนถึงสีแดงเข้ม และมีรูปร่าง คล้ายกับใบของต้นโอ๊ก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "Red Oak" นั่นเอง

เรดโอ๊คมีที่มาจากเอเชีย โดยเฉพาะ ในประเทศญี่ปุ่น และจีน ซึ่งมีการปลูก และบริโภค กันมายาวนาน ในหลายศตวรรษ ได้รับการพัฒนา และคัดเลือกสายพันธุ์ ที่มีความต้านทานต่อโรค และการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ เรดโอ๊ค ได้รับความนิยม เนื่องจากสีสันที่สวยงาม และรสชาติที่ทานง่าย

จึงได้แพร่กระจาย ไปยังหลายพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะใน Europe และ North America ซึ่งได้รับการยอมรับ และนิยมปลูกในวงกว้าง ในปัจจุบัน เรดโอ๊ค เป็นหนึ่งในผักสลัด ที่ได้รับความนิยมสูง

ประโยชน์ของ Red Oak

เรดโอ๊ค ไม่เพียงแต่เพิ่มสีสัน และความสวยงาม ให้กับจานอาหารเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่า ทางโภชนาการสูง ที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย ด้วยสารอาหาร ที่หลากหลาย นี่คือประโยชน์สำคัญ จากสารอาหาร ในผักสลัดเรดโอ๊ค

• Vitamin K ผักสลัดเรดโอ๊ค เป็นแหล่ง Vitamin K ที่ดี ซึ่งมีความสำคัญ ในกระบวนการ การแข็งตัวของเลือด และช่วยในการรักษา กระดูกให้แข็งแรง การทาน Vitamin K ในปริมาณที่เพียงพอ จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยง ของโรคกระดูกพรุนได้
• Vitamin A เรดโอ๊คมี Beta carotene ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ Vitamin  A มีความสำคัญ ต่อการมองเห็น สุขภาพของผิวหนัง และการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกัน
• Fiber เรดโอ๊คมี Fiber สูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร ลดความเสี่ยงของโรคทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก และสามารถช่วยควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือดได้
• แร่ธาตุ เรดโอ๊คยังมีแร่ธาตุสำคัญ เช่น Potassium ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิต และ iron ที่มีความสำคัญ ในการผลิต hemoglobin และป้องกันโรคโลหิตจาง
• Antioxidants หรือสารต้านอนุมูลอิสระ เรดโอ๊คมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Vitamin C และ Polyphenols ที่ช่วยป้องกัน Cell จากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ

รสชาติของ เรดโอ๊ค

เรดโอ๊ค มีรสชาติอ่อนๆ มีความกรุบเล็กน้อย และเมื่อรับประทาน จะรู้สึกถึงความสดชื่น ใบของเรดโอ๊คนั้นนุ่ม เคี้ยวง่าย และไม่เหนียว ทำให้เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับเมนูสลัด หรือเมนูที่ทานแบบสดๆ [1] ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตกแต่งจาน หรือเป็นส่วนผสมหลักในชามสลัด

เรดโอ๊ค ข้อแนะนำ

การใช้เรดโอ๊ค ทำสลัดนั้น สามารถทำได้หลายวิธี สามารถผสมกับผักสลัดชนิดอื่นๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ของสีสัน และเนื้อสัมผัส หรือใช้เป็นวัตถุดิบหลัก ในการทำสลัดผัก หรือจะใช้ทำ Salad Roll ก็สวยงามน่ารับประทาน การเติมน้ำสลัด ที่มีรสชาติเข้มข้น เช่น น้ำสลัด Caesar หรือ Balsamic สามารถช่วยเพิ่มรสชาติ ให้กับเรดโอ๊ค ได้อย่างลงตัว

เรดโอ๊ค ข้อควรระวัง

สำหรับบางคน ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร หรือแพ้อาหารบางชนิด ควรระมัดระวังในการรับประทาน นอกจากนี้ การล้างผักให้สะอาด ก่อนรับประทานเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยง จากสารเคมี และเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนมากับผัก

สรุป Red Oak

เรดโอ๊ค ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม และรสชาติ ให้กับจานสลัดเท่านั้น แต่ยังให้คุณประโยชน์ ทางโภชนาการที่หลากหลาย หากมีเตรียม และการทานที่ถูกต้อง สลัดเรดโอ๊ค สามารถเป็นส่วนหนึ่ง ของไลฟ์สไตล์การกิน เพื่อสุขภาพที่ดีได้

อ้างอิง

 [1] pimfoodacademy. (November 22, 2021). สลัดควรมีผักอะไรบ้าง. Retrieved from pimfoodacademy

Mulberry หรือมัลเบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีมานาน ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก ไม่เพียงแต่มีรสชาติ ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังเป็นที่รู้จัก ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มัลเบอร์รีมีสารอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า Anthocyanins [1] ซึ่งมีความสำคัญ ในการป้องกัน และต่อสู้กับโรคต่างๆ

Mulberry คืออะไร มีที่มาอย่างไร

มัลเบอร์รี เป็นชื่อที่ใช้เรียกผลไม้ และต้นไม้ในสกุล Morus ซึ่งมีหลายชนิด และหลายสายพันธุ์ มีลักษณะเด่นคือ มีหลากหลายสี ตั้งแต่สีขาว สีชมพู สีแดง ไปจนถึงสีม่วงเข้ม หรือเกือบดำ เมื่อผลสุก มัลเบอร์รีมีรสชาติหวาน และเปรี้ยวเล็กน้อย ทำให้เป็นที่นิยม ในการทานแบบสดๆ โดยตรง หรือใช้ในการทำอาหาร และขนมหวาน

มัลเบอร์รี ถูกปลูกและใช้งานใน หลายวัฒนธรรมทั่วโลก มีการใช้มัลเบอร์รี ในการแพทย์แผนโบราณ โดยมีการบันทึก คุณสมบัติทางยา ของมัลเบอร์รีในหลายๆตำรา ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และประโยชน์มากมาย มัลเบอร์รี จึงเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญ ทั้งในด้านการเกษตร การแพทย์ และการทานเพื่อสุขภาพ

ประโยชน์ของ Mulberry

มัลเบอร์รี เป็นผลไม้ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งรวมถึงวิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมี ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้

• Vitamin C ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน มีความสำคัญ ในการผลิต Collagen และช่วยป้องกันความเสียหาย จากอนุมูลอิสระ
• Fiber ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันปัญหา การย่อยอาหารที่ไม่ดี และช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอลในเลือด
• แร่ธาตุ เช่น Iron, Calcium และ Potassium ที่ช่วยในการสร้าง hemoglobin และ Calcium มีความสำคัญ ในการสร้างกระดูก และฟันที่แข็งแรง ส่วน Potassium ช่วยควบคุมความดันโลหิต และการทำงานของกล้ามเนื้อ
• Anthocyanins สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ ในการต่อต้านการอักเสบ และลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ และโรคมะเร็ง บำรุงผิวพรรณ ให้มีสุขภาพดี เปล่งปลั่งสดใส
• Resveratrol สารต้านอนุมูลอิสระ อีกชนิดหนึ่ง ที่พบในมัลเบอร์รี ซึ่งช่วยในการป้องกันโรคหัวใจ และช่วยในการชะลอความชรา
• Vitamin K มีส่วนช่วย ในกระบวนการ การแข็งตัวของเลือด และช่วยรักษากระดูก ให้แข็งแรง
• Vitamin E ช่วยปกป้องเซลล์ จากความเสียหาย ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และมีความสำคัญ ในการรักษาสุขภาพของผิว

การทานมัลเบอร์รี สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพได้ ในหลากหลายด้าน ทั้งยังเป็นแหล่งของสารอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และสุขภาพโดยรวมอีกด้วย

Mulberry รสชาติ

มัลเบอร์รี มีรสชาติที่หวาน และเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อสุกจัด ผลจะเป็นสีม่วง จนเกือบดำ และมีความเปรี้ยวมาก หากยังไม่สุกเต็มที่ ผลจะมีสีแดงสด ทำให้มีความหลากหลาย ในการนำไปใช้ประโยชน์ มีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม และเบา เมื่อทานเข้าไป จะรู้สึกถึงความชุ่มฉ่ำ และรสชาติ เปรี้ยวอมหวาน ที่มีความหอม berry

Mulberry ข้อแนะนำ

Mulberry สามารถรับประทานได้ ทั้งในรูปแบบสด และแปรรูป เช่น แยม น้ำผลไม้ หรือแม้กระทั่ง เพิ่มในอาหารเช้าเช่น Cereal นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นส่วนประกอบ ในขนมหวาน หลากหลายชนิด เช่น Cheesecake มัลเบอร์รีและ Pie มัลเบอร์รี

สำหรับการเก็บรักษา ควรเก็บมัลเบอร์รีในตู้เย็น และรีบรับประทานให้หมด หลังจากซื้อมา เพื่อคงรสชาติที่ดี และคุณค่าทางโภชนาการ

Mulberry ข้อควรระวัง

ควรระวังสำหรับบางคน ที่อาจมีอาการแพ้ผลไม้ชนิดนี้ ควรเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยๆ หากไม่เคยรับประทานมาก่อน นอกจากนี้ ควรล้างให้สะอาดเสมอ ก่อนรับประทาน เพื่อลดความเสี่ยง จากสารปนเปื้อนหรือ ยาฆ่าแมลง

สรุป Mulberry

Mulberry ไม่เพียงแค่เป็นผลไม้ที่อร่อย และสามารถทาน ได้หลากหลายรูปแบบ แต่ยังเป็นแหล่งของสารอาหาร และสารอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์มากมาย ต่อสุขภาพ เช่น Anthocyanins การทานมัลเบอร์รี สามารถช่วย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรค และส่งเสริมสุขภาพที่ดี ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับการเพิ่มผลไม้ชนิดนี้ เข้าไปในอาหารประจำวัน

อ้างอิง

 [1] sanook. (May 08, 2023). ประโยชน์ของ ลูกหม่อน มัลเบอร์รี่. Retrieved from sanook

Acai Berry หรือ อาซาอิเบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพทั่วโลก ด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ คุณสมบัติถือเป็น Super Food [1] ผลไม้ชนิดนี้ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่ง ของอาหารประจำวันของหลายๆ คนที่ต้องการดูแล และรักษาสุขภาพให้ดีขึ้น

Acai Berry คืออะไร

อาซาอิเบอร์รี เป็นผลไม้ขนาดเล็ก สีม่วงเข้ม ที่มาจากต้น Acai palm ซึ่งพบได้ในป่าฝน Amazon ของประเทศบราซิล มีประวัติการใช้งาน โดยชาวพื้นเมือง ในอเมริกาใต้มาอย่างยาวนาน โดยใช้เป็นอาหารหลัก และเพื่อการรักษาโรค

ประโยชน์ของ Acai Berry

อาซาอิเบอร์รี เป็นผลไม้ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ซึ่งสารอาหารที่สำคัญใน อาซาอิเบอร์รี ประกอบด้วย

1. สารต้านอนุมูลอิสระ อาซาอิเบอร์รี อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น anthocyanins และ polyphenols ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์จากรังสี UV, มลพิษ และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง และการอักเสบ
2. ไฟเบอร์ อาซาอิเบอร์รี มีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร และดีต่อระบบย่อยอาหาร รวมถึงช่วยในการควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือด และลดคอเลสเตอรอล
3. Omega 9 และ Omega 6 อาซาอิเบอร์รี มีกรดไขมัน Omega 9 (oleic) และ Omega 6 (linoleic)  ที่ช่วยในการลด Cholesterol LDL (คอเลสเตอรอลไม่ดี) และส่งผลดี ต่อสุขภาพหัวใจ
4. Vitamins และแร่ธาตุ อาซาอิเบอร์รีมี Vitamins A, Vitamins C, และ Vitamins E และ
5. Minerals หรือแร่ธาตุ เช่น Calcium และ Magnesium ที่มีความสำคัญ ในการบำรุงผิวพรรณ บำรุงกระดูก และปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
6. Amino acids อาซาอิเบอร์รีมี Amino acids ที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งช่วยในการสร้างโปรตีน  ช่วยการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และช่วยในการเจริญเติบโต

รสชาติของ อาซาอิเบอร์รี

อาซาอิเบอร์รี มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รสเปรี้ยวอมหวาน มีเนื้อสัมผัส ที่ค่อนข้างเข้มข้น เมื่อทานสดๆ ในรูปแบบน้ำผลไม้ จะได้รับความรู้สึกสดชื่น และความหอมหวาน ทำให้อาซาอิเบอร์รี เป็นที่นิยมในการทำเป็นเครื่องดื่ม และของหวาน ที่มีรสชาติโดดเด่น

อาซาอิเบอร์รี เมนู

อาซาอิเบอร์รี สามารถนำมาทำเป็น Acai bowl, อาซาอิเบอร์รีสมูทตี้, อาซาอิเบอร์รีเจลาโต้ หรือเพิ่มเข้าไปใน Yogurt และ Cereal หรือการนำอาซาอิเบอร์รี ในรูปแบบผง มาเพิ่มในเมนูขนมที่หลากหลาย หรือนำอาซาอิเบอร์รีมาทำเป็นน้ำผลไม้ ยังสามารถเพิ่มรสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการ ให้กับเมนูต่างๆได้ง่ายๆ

อาซาอิเบอร์รี ข้อควรระวัง

ในขณะที่อาซาอิเบอร์รี มีประโยชน์มากมาย แต่ควรระวังเรื่องการแพ้ และผู้ที่มีสภาวะสุขภาพที่ผิดปกติ เช่น ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ควรตรวจสอบส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ Acai ที่แปรรูป เช่นน้ำผลไม้ที่อาจเติมน้ำตาลเพิ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำตาล ที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย

สรุป Acai Berry ผลไม้เบอร์รีที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

อาซาอิเบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และสามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย ทำให้เป็นที่นิยมในหลายวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม ควรทานอย่างพอดี

อ้างอิง

 [1] gourmetandcuisine. (October 12, 2023). สรุปสั้นๆ ให้เข้าใจง่าย. Retrieved from gourmetandcuisine

Artichoke หรือ อาร์ติโชค คือหนึ่งในผักโบราณ ที่มีทั้งรสชาติ และประโยชน์ทางโภชนาการที่น่าสนใจ ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่ง ของอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ จนหลายคนอยากลิ้มลอง แต่ยังเป็นอาหารที่มีความสำคัญ และส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย

Artichoke คืออะไร

อาร์ติโชค เป็นพืชที่มีดอกสีเขียวหรือม่วง มาจากต้น Cynara cardunculus var. scolymus ซึ่งเป็นสายพันธุ์หนึ่งของตระกูล Asteraceae มีต้นกำเนิดในเมดิเตอร์เรเนียน และมีการปลูกครั้งแรก ในอิตาลี และต่อมาได้แพร่กระจายไปยังหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ประวัติของอาร์ติโชค ย้อนกลับไปในช่วงเวลา ของกรีกโบราณ และโรมัน ซึ่งในเวลานั้นถูกนับเป็นอาหารสำหรับชนชั้นสูง และมีคุณสมบัติในการรักษาโรค ในตำนานกรีก อาร์ติโชค ถือเป็นของขวัญจากเทพเจ้า นับแต่นั้นมา อาร์ติโชคก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร และวัฒนธรรมในหลายๆ พื้นที่ทั่วโลก

ประโยชน์ของ Artichoke

Artichoke มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ เช่น ช่วยในการทำงาน ของระบบย่อยอาหาร ช่วยในการทำงานของตับ ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และมีสารต้านอนุมูลอิสระ [1] ที่ช่วยต่อต้านการอักเสบ และป้องกันโรคเรื้อรัง

นอกจากนี้อาร์ติโชค ยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ รวมถึงมีวิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามิน C, วิตามิน K, โฟเลต, แม็กนีเซียม และแคลเซียม ที่มีความสำคัญ ในการรักษาสุขภาพกระดูก และเสริมสร้าง ระบบภูมิคุ้มกันที่ดี

รสชาติของ Artichoke

อาร์ติโชค มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่ามีรสหวาน และอมขมเล็กน้อย โดยมีเนื้อสัมผัสที่เนียน และนุ่มเมื่อปรุงสุก บางคนอาจรู้สึกว่ามีรสน้ำมันถั่วเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว มอบรสชาติที่มีความซับซ้อน และมีเอกลักษณ์ ทำให้เป็นเมนูที่ดี ควรค่าแก่การลิ้มลอง

เมนู Artichoke

อาร์ติโชค เป็นวัตถุดิบที่มีความหลากหลาย สำหรับการนำมาสร้างสรรค์เมนู สามารถนำมาทำเป็นอาหารทั้งจานหลัก และเครื่องเคียงได้ เช่น นึ่ง หรือย่างเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของสลัด ใส่ในพาสต้า หรือพิซซ่า หรือทำเป็นดิปและสเปรด หรือต้มทานง่ายๆ โดยจิ้มกับเนยละลาย

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในการทำซุปครีมอาร์ติโชค หรือใส่เป็นส่วนผสมในอาหารตุ๋น และกระทะร้อน ด้วยวิธีที่หลากหลาย ทำให้สามารถเข้ากับรสชาติหลายๆ ประเภท เพิ่มความอร่อย และคุณค่าทางโภชนาการให้กับเมนูต่างๆได้

อาร์ติโชค ข้อควรระวัง

ในการทานอาร์ติโชค ควรระวังเรื่องการเตรียม เช่น การลอกเปลือก และการตัดส่วนที่มีหนามออก เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ และสำหรับผู้ที่มีปัญหากับนิ่วในถุงน้ำดี ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานเพราะ อาร์ติโชคมีผลต่อการหลั่งของน้ำดี

นอกจากนี้ บางคนอาจมีความไวต่ออาร์ติโชค ซึ่งอาจนำไปสู่อาการแพ้ เช่น คันหรือผื่น ควรระวังหากมีประวัติการแพ้พืชในตระกูลเดียวกัน เช่น ดอกคำฝอย หรือดาวเรือง

สรุป Artichoke ผักแปลกใหม่ที่น่าลิ้มลอง

Artichoke เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ด้วยรสชาติ และเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ ในเมนูอาหารได้หลายแบบ อย่างไรก็ตาม ควรใส่ใจในขั้นตอนการเตรียม และทานอย่างพอดีเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากอาร์ติโชค

อ้างอิง

 [1] trueid. (September 30, 2022). ประโยชน์ ของ อาร์ติโชค. Retrieved from food.trueid

White Strawberry หรือสตรอว์เบอร์รีสีขาว เป็นผลไม้ที่มีเอกลักษณ์ และมีความน่าสนใจอย่างมาก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ และผู้ที่หลงใหลในผลไม้หายาก เนื่องจากสี ที่ไม่เหมือนสตรอว์เบอร์รีทั่วไป แถมรสชาติที่โดดเด่น ที่ควรได้ลิ้มลองสักครั้ง

White Strawberry คืออะไร

สตรอว์เบอร์รีสีขาว ถูกพัฒนามาจากการผสมพันธุ์ และคัดเลือกพันธุ์อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้มีสีสันแปลกตา สตรอเบอร์รี่สีขาว มีประวัติที่เริ่มต้นในญี่ปุ่น [1] โดยเฉพาะพันธุ์ "Shiroi Houseki" ซึ่งหมายถึง "อัญมณีสีขาว" เป็นสตรอเบอร์รี่ที่มีรสชาติหวาน และเนื้อสัมผัสนุ่มเฉพาะตัว ไม่เหมือนสตรอว์เบอร์รีทั่วไป

ประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รีสีขาว

สตรอว์เบอร์รีสีขาว มีประโยชน์ และสารอาหารหลายชนิด ที่คล้ายกับสตรอเบอร์รี่สีแดง แต่มีลักษณะเฉพาะที่ทำให้มีความพิเศษ

• วิตามิน C ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน การสร้างคอลลาเจน เพื่อสุขภาพผิวที่ดี ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
• Anti oxidant มีสารประกอบ ที่ช่วยป้องกันการอักเสบ และความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
• ไฟเบอร์ ดีต่อระบบย่อยอาหาร ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก โดยทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น
• โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบประสาท

สตรอว์เบอร์รีสีขาวรสชาติ

สตรอว์เบอร์รี่ขาว มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และเนื้อสัมผัสที่แตกต่าง จากสตรอว์เบอร์รี่ทั่วไป ที่เราคุ้นเคย เพราะมีรสชาติหวานมากกว่า พร้อมกับความเปรี้ยวเล็กน้อย มาพร้อมกับกลิ่นที่ละมุนของเบอร์รี

เนื้อสัมผัสของสตรอว์เบอร์รีสีขาวนั้น นุ่มและมีความชุ่มฉ่ำ ผิวมีความกรอบเล็กน้อย เมื่อกัดเข้าไป ความหวานและความชุ่มฉ่ำ ทำให้เหมาะสำหรับอาหารว่าง หรือเพิ่มเป็นส่วนประกอบในเมนูต่างๆ ที่ต้องการรสชาติ และเนื้อสัมผัสที่น่าสนใจ

เมนูสตรอว์เบอร์รีสีขาว

สตรอว์เบอร์รีสีขาว สามารถทานได้หลายวิธี เพื่อเพิ่มรสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการในอาหารหรือเครื่องดื่ม

• ในสลัด เพิ่มสตรอว์เบอร์รีสีขาว เข้าไปในสลัดผลไม้ หรือสลัดผัก เพื่อเพิ่มรสชาติหวานอ่อนๆ และกลิ่นหอมเฉพาะตัว
• เป็นของหวาน นำสตรอว์เบอร์รีสีขาวมาทำเป็นพาย, เค้ก, หรือมูสสตรอเบอร์รี่
• เป็นเครื่องดื่ม ผสมในสมูทตี้, น้ำผลไม้, หรือค็อกเทลเพื่อ เพิ่มรสชาติหวานหอม และประโยชน์ทางโภชนาการ
• เป็นท็อปปิ้ง ใช้เป็นท็อปปิ้งในโยเกิร์ต, ไอศกรีม, หรืออาหารเช้า
• ทานสดๆ เพื่อรับรสชาติที่หวานหอม เนื้อสัมผัสที่นุ่ม ฉ่ำน้ำ ของสตรอว์เบอร์รีสีขาว ที่มีเอกลักษณ์

สตรอว์เบอร์รีสีขาว ข้อควรระวัง

แม้ว่าสตรอว์เบอร์รีสีขาว จะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ แต่ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแพ้อาหารควรระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีประวัติแพ้สตรอเบอร์รี่ นอกจากนี้ ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เนื่องจากสตรอเบอร์รี่สีขาวมีราคาสูง และอาจมีการปลอม

สรุป White Strawberry อัญมณีสีขาว สุดยอดผลไม้ที่ต้องลอง

สตรอว์เบอร์รีสีขาว เป็นผลไม้ที่ควรค่า แก่การลองชิม ด้วยรสชาติที่หวานละมุน และมีประโยชน์มากมาย สามารถทำมาใช้ ในเมนูอาหารที่หลากหลาย ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการลองผลไม้ที่แปลกใหม่ และต้องการเพิ่มสีสันในการทำอาหาร หรือทานอาหาร ให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

อ้างอิง

 [1] TTM Variety. (December 07, 2017). ประโยชน์ของสตรอเบอร์รีขาว. Retrieved from thaiticketmajor

Sungold Kiwi หรือกีวีสีทอง เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูง ในหมู่ผู้ที่รักสุขภาพ เนื่องจากมีสารอาหารมากมาย และรสชาติที่หวานหอมและอร่อย ปกติแล้วเรามักจะคุ้นหูคุ้นตากับกีวี่ที่มีสีเขียว รสชาติเปรี้ยวจี๊ด แต่ในบทความนี้ เราจะมารู้จักเกี่ยวกับกีวีสีทองที่หวานฉ่ำ ให้มากขึ้นกัน  

กีวีสีทอง คืออะไร

หรือกีวีสีทองเป็นสายพันธุ์ของกีวี ที่มีเปลือกสีเขียวอ่อน และเนื้อด้านในมีสีเหลืองทอง มีรสชาติหวานฉ่ำ และมีความเปรี้ยวนิดๆ หวานมากกว่ากีวีสายพันธุ์อื่นๆ กีวีสีทองถูกพัฒนา และนำมาปลูก ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกกีวีรายใหญ่ของโลก

ประโยชน์และสารอาหารที่สำคัญของกีวีสีทอง

กีวีสีทองไม่เพียงแต่โดดเด่น ด้วยรสชาติหวาน และเนื้อสัมผัสที่นุ่มชุ่มฉ่ำ แต่ยังมีสารอาหารหลากหลายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดดเด่นที่มีวิตามิน C  สูงมาก ซึ่งช่วยเสริมสร้าง ระบบภูมิคุ้มกัน การทานกีวีสีทองเพียงหนึ่งผล สามารถให้วิตามิน C เกินความต้องการในชีวิตประจำวัน [1] นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่นๆ ดังนี้

• มีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหาร และป้องกันปัญหาการท้องผูก การบริโภค ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
• วิตามิน E มีความสำคัญ สำหรับสุขภาพผิว และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันความเสียหาย จากอนุมูลอิสระในร่างกาย
• มี Potassium ช่วยในการควบคุมความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับปกติ และมีความสำคัญ ในการทำงานของกล้ามเนื้อ และระบบประสาท
• มีสาร Anti oxidant กีวีสีทอง มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากเซลล์ และลดความเสี่ยงของโรคมากมาย รวมถึงโรคหัวใจและมะเร็ง
• มีแคลเซียม ช่วยในการสร้าง และรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง

เปรียบเทียบ Sungold Kiwi หรือกีวีสีทองและกีวีสีเขียวทั่วไป

• รสชาติ กีวีสีทอง มีรสชาติที่หวานและเข้มข้น ในขณะที่กีวีสีเขียวมีรสชาติที่เปรี้ยวมากกว่า
• เนื้อในของกีวีสีทอง มีสีเหลืองทอง ต่างจากกีวีสีเขียวที่มีเนื้อสีเขียวสด
• เนื้อสัมผัส กีวีสีทอง มีเนื้อที่นุ่มและละเอียด ส่วนกีวีสีเขียวมีเนื้อที่แน่น และมีความกรอบมากกว่า
• สารอาหาร ทั้งสองชนิด มีสารอาหารที่สำคัญเช่นวิตามิน C, ไฟเบอร์, และ Anti oxidant แต่กีวีสีทองมีวิตามิน C และวิตามิน E ในปริมาณที่สูงกว่า

ข้อแนะนำในการทานกีวีสีทอง

กีวีสีทองสามารถนำมาทำเป็นสลัดผลไม้ สมูทตี้ หรือใส่เป็นส่วนผสมในเค้ก และขนมหวานต่างๆ ด้วยรสชาติที่หวาน และเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ทำให้เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับการเพิ่มความหวานแบบธรรมชาติ ในอาหารได้ หรือจะทานแบบสดๆ ก็อร่อยสดชื่น

กีวีสีทองข้อควรระวัง

แม้ว่ากีวีสีทอง จะมีประโยชน์มากมาย แต่บางคนอาจมีอาการแพ้ต่อกีวี ดังนั้น ควรทดสอบการแพ้ก่อนการทานในปริมาณมาก นอกจากนี้ ควรระวังเมล็ดของกีวี ซึ่งบางครั้งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง หากทานมากเกินไป

สรุป Sungold Kiwi ผลไม้ที่มีประโยชน์ หลากหลายต่อสุขภาพ

กีวีสีทองเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ หลากหลายต่อสุขภาพ ด้วยรสชาติที่หวาน และเนื้อสัมผัสชุ่มฉ่ำ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับการเพิ่มความหลากหลาย ในอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทานเป็นผลไม้สด สลัด หรือเป็นส่วนผสมในเมนูที่หลากหลาย

อ้างอิง

 [1] zenbiotech. (May 25, 2021). สารสกัดจากกีวีสีทอง. Retrieved from zenbiotech

Goji Berry เรียกอีกชื่อว่า wolfberry หรือที่คนไทยเราเรียกว่าเก๋ากี้ นับเป็นหนึ่งในผลไม้ ที่ได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก ในหมู่ผู้ที่รัก และมีความใส่ใจในสุขภาพทั่วโลก ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และคุณค่าทางโภชนาการ ไม่แปลกใจเลยที่โกจิเบอร์รี ถูกขนานนามว่าเป็น "superfood" ของศตวรรษนี้

Goji Berry คืออะไร

โกจิเบอร์รี เป็นผลไม้ขนาดเล็ก ที่มีสีแดงสด เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Solanaceae ซึ่งรวมถึงมะเขือเทศ และพืชอื่นๆ ในตระกูลเดียวกัน มีต้นกำเนิดจากเอเชีย โดยเฉพาะในจีน, ทิเบต และมองโกเลีย ประวัติศาสตร์ของ โกจิเบอร์รี่มีอายุหลายพันปี ในตำราแพทย์จีนโบราณ ถูกใช้เพื่อเพิ่มพลังงาน ปรับสมดุลร่างกาย และช่วยในการบำรุงสายตา

ประโยชน์ของ Goji Berry

โกจิเบอร์รี ถือเป็นหนึ่งใน "superfoods" เนื่องจากมีสารอาหารหลายชนิด ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

• ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน โกจิเบอร์รี่มีวิตามิน C และ E ซึ่งทั้งสอง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และช่วยในด้าน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
• 2บำรุงสายตา มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Zeaxanthin และ Lutein ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพ ของการมองเห็น ที่มาจากอายุที่มากขึ้น
• ช่วยในการควบคุมน้ำตาลในเลือด โกจิเบอร์รี สามารถช่วยในการ ควบคุมน้ำตาลในเลือด และอินซูลิน ซึ่งดีสำหรับ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
• ดีต่อสุขภาพผิว ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามิน C ที่สูง โกจิเบอร์รีสามารถช่วยลดการอักเสบ และป้องกันความเสียหาย จากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่อการเกิดริ้วรอย
• ช่วยในการนอนหลับ และลดความเครียด โกจิเบอร์รีมีสารที่ช่วยในการนอนหลับ และลดความวิตกกังวล ซึ่งช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว และลดระดับความเครียดได้ดีขึ้น
• ช่วยในการลดน้ำหนัก ด้วยไฟเบอร์ที่สูง โกจิเบอร์รี สามารถช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว และนานขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ ในการควบคุมน้ำหนัก และลดความอยากอาหาร
• ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ การทานโกจิเบอร์รี สามารถช่วยเพิ่มระดับพลังงาน และช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับนักกีฬา หรือผู้ที่ต้องใช้พลังงานเยอะ

โกจิเบอร์รี รสชาติ

โกจิเบอร์รีมีรสชาติที่หวาน และมีความเปรี้ยวเล็กน้อย ทำให้เป็นที่นิยม ในการใช้เป็นส่วนผสม ในอาหารหลากหลายชนิด ด้วยการนำมาอบแห้ง ทำให้เนื้อสัมผัสของ โกจิเบอร์รี เป็นเม็ดแห้งที่มีความกรอบเล็กน้อย  เมื่อแช่น้ำ จะกลับมานุ่มและขยายตัวขึ้น

โกจิเบอร์รี เมนูที่นิยม

โกจิเบอร์รีสามารถนำมาใช้ ในเมนูอาหารหลายประเภท เช่น โยเกิร์ต, สมูทตี้, ซุป, และเป็นส่วนผสมในการทำขนม นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องปรุง ในเมนูอาหารเอเชียหลายๆ ประเภท เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และเพิ่มสีสันที่สวยงาม น่าสนใจให้กับอาหาร

โกจิเบอร์รี ข้อควรระวัง

แม้โกจิเบอร์รีจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรรับประทานอย่างพอดี ผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพบางอย่าง เช่น การใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทาน เนื่องจากโกจิเบอร์รี อาจมีผลกับยาบางชนิด เพราะมีสาร Tropane alkaloids ที่อาจทำให้ คลื่นไส้ วิงเวียน หากทานมากเกินไป [1]

สรุป Goji Berry ผลไม้ที่สามารถนำมาทำเมนูคาวหวานเพื่อสุขภาพ

โกจิเบอร์รีวัตถุดิบที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยประโยชน์ในด้านสุขภาพ ที่หลากหลาย มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และนำมาทำเมนูอาหารได้หลากหลาย ทำให้เป็นที่นิยม และเป็นส่วนหนึ่งของการทานเพื่อสุขภาพ ในยุคสมัยใหม่

อ้างอิง

 [1] สถานีสุขภาพ. (June 12, 2022). เก๋ากี้ (โกจิเบอร์รี่). Retrieved from pptvhd36

Blueberry หรือบลูเบอร์รี เป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมมาก ด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และประโยชน์มหาศาล ที่มีต่อสุขภาพ ด้วยรสชาติที่ลงตัว เปรี้ยวหวาน ทำให้รู้สึกสดชื่นเมื่อทาน และยังเป็นส่วนประกอบ ที่มักจะพบในเมนูอาหารและขนมหวานมากมาย

ประวัติและที่มาของ Blueberry

บลูเบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในอเมริกาเหนือ มีหลักฐานว่า ถูกใช้โดยชาวพื้นเมืองอเมริกัน เป็นอาหาร และเป็นส่วนหนึ่งของยาสมุนไพร มานานหลายศตวรรษ ก่อนที่จะได้รับความนิยม ในหมู่ผู้ตั้งถิ่นฐานยุโรป ชาวพื้นเมืองใช้บลูเบอร์รี ในการทำอาหารหลากหลาย เช่น การทำเค้กและการหมักเป็นน้ำผลไม้

นอกจากนี้ยังใช้เป็นสีธรรมชาติ สำหรับเสื้อผ้า การเพาะปลูกบลูเบอร์รี เริ่มขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และตั้งแต่นั้นมา บลูเบอร์รีก็ได้รับความนิยม ในระดับสากล เนื่องจากคุณค่าทางโภชนาการ และประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ

ประโยชน์และสารอาหารที่สำคัญของ Blueberry

บลูเบอร์รี อุดมไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่

• วิตามิน C ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และบำรุงผิวพรรณ
• วิตามิน K ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด
• แมงกานีส ช่วยสร้างกระดูก
• ไฟเบอร์ มีผลดีต่อระบบย่อยอาหาร และช่วยลดคอเลสเตอรอล

นอกจากนี้บลูเบอร์รี ยังมีสารประกอบพฤกษเคมี เช่น Anthocyanin ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ [1] ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และสมอง ช่วยในด้านความจำ และลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน และโรคอ้วน

Blueberry ทำเมนูอะไรได้บ้าง

บลูเบอร์รี เป็นผลไม้ที่สามารถนำมาทำเป็นเมนูได้หลายแบบ ทั้งขนมหวาน และเครื่องดื่ม

• Bakery อย่างเช่น พายบลูเบอร์รี, มัฟฟิน, แพนเค้ก, หรือเค้กบลูเบอร์รี
• เครื่องดื่ม Smoothies บลูเบอร์รี, น้ำบลูเบอร์รีสกัด, หรือ Cocktail บลูเบอร์รี
• อาหารเช้า Yogurt หรือ cereal ที่โรยด้วยบลูเบอร์รีสด
• ของหวาน เช่น Gelato บลูเบอร์รี, ชีสเค้กบลูเบอร์รี

Blueberry ข้อควรระวัง

ในการทานบลูเบอร์รี ควรระวังเรื่อง การล้างให้สะอาด เพื่อลดการปนเปื้อนจากสารเคมี ความเสี่ยงของการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นกับบางคน ควรคำนึงถึงปริมาณการทาน เพราะการทานมากเกินไป อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะเบาหวาน หรือกำลังควบคุมน้ำหนัก

Blueberry สายพันธุ์ที่นิยม

Blueberry มีหลายสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม แต่ละสายพันธุ์มีลักษณะเฉพาะตัว ที่ทำให้มีรสชาติ ขนาด และสีสันที่แตกต่างกัน สายพันธุ์ที่นิยมมากที่สุด ได้แก่

• Highbush เป็นสายพันธุ์ที่นิยมที่สุด เพราะมีผลผลิตสูง และขนาดผลใหญ่ รสชาติหวาน และเป็นที่ชื่นชอบในท้องตลาด
• Lowbush ( Wild Blueberry ) มีขนาดเล็กกว่า Highbush แต่มีรสชาติเข้มข้น และหวานมาก มักพบในสภาพแวดล้อมที่เป็นป่า และมีการปลูกน้อยกว่า
• Northern Highbush สายพันธุ์นี้ปรับตัวได้ดี ในสภาพอากาศเย็น มีหลายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้น เพื่อการปลูกในภาคเหนือของสหรัฐอเมริกา และแคนาดา
• Southern Highbush สายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาขึ้น สำหรับภูมิอากาศที่อบอุ่น สามารถปลูกได้ในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา มีรสชาติหวาน และเป็นที่ต้องการของตลาด
• Rabbiteye ปลูกได้ดีในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา มีลักษณะทนแล้งได้ดี ผลมีขนาดใหญ่ และรสชาติหวาน

สรุป Blueberry ผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และอร่อย

Blueberry เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยในการต่อต้านการอักเสบ และป้องกันโรคหัวใจ มีทั้งวิตามิน C, K และไฟเบอร์ มีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน สุขภาพผิว และระบบย่อยอาหาร สามารถนำบลูเบอร์รี มาทำเป็นเมนูอาหาร และขนมหวานหลากหลาย

อ้างอิง

 [1] paolohospital. (April 19, 2013). ประโยชน์จากผลไม้เบอร์รี. Retrieved from paolohospital

Cherry หรือเชอร์รี เป็นผลไม้ ที่ไม่เพียงแต่โดดเด่น ด้วยสีสันสวยงาม และรสชาติที่ลงตัว ระหว่างความหวานและเปรี้ยว แต่ยังเต็มไปด้วยประโยชน์มากมาย ที่ดีต่อสุขภาพ ในบทความนี้ จะพาคุณไปค้นพบเสน่ห์ ประโยชน์ และวิธีการนำเชอร์รี่มาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเพิ่มสีสัน และรสชาติแห่งความหวานให้กับชีวิต

Cherry ประวัติที่มา

เชอร์รี เป็นผลไม้ขนาดเล็กที่มีทั้งสีแดงสด และสีม่วงเข้ม มีรสชาติตั้งแต่หวานจนถึงเปรี้ยว ประวัติของเชอร์รี มีมายาวนาน  คาดว่ามีต้นกำเนิด ในภูมิภาคที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลดำ และทะเลคาสเปียน ในยุโรปและเอเชีย โดยมีการปลูกมานานหลายพันปี และได้แพร่กระจายไปทั่วโลก เนื่องจากการค้า และการขยายอาณาจักร

Cherry ประโยชน์

เชอร์รี มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง รวมถึงวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ [1] ประโยชน์หลักๆ ของเชอร์รี ได้แก่

• ลดการอักเสบ และความเจ็บปวด เชอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และสารประกอบ ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เช่นโรคข้ออักเสบ และกล้ามเนื้ออักเสบ
• ดีต่อสุขภาพหัวใจ การทานเชอร์รี สามารถช่วยลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจได้ โดยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
• ช่วยในการนอนหลับ เชอร์รี่เป็นแหล่งของเมลาโทนินธรรมชาติ ซึ่งเป็นฮอร์โมน ที่ช่วยควบคุมการนอนหลับ ช่วยให้หลับลึก
• ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เชอร์รี่มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็ว
• ป้องกันโรคมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในเชอร์รี มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดมะเร็ง โดยช่วยป้องกัน การเกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์
• บำรุงผิวพรรณ วิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระในเชอร์รี ช่วยในการต่อต้าน การเสื่อมสภาพของผิว ลดริ้วรอย และเสริมความแข็งแรงของผิว

Cherry สายพันธุ์ที่นิยม

เชอร์รี่มีสายพันธุ์ หลายประเภท ที่ได้รับความนิยมสูงในท้องตลาด ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ มีคุณสมบัติเฉพาะตัว ทั้งในเรื่องรสชาติ สีสัน และการใช้งาน สายพันธุ์ที่นิยมมากที่สุด ได้แก่

• Bing Cherry มีสีแดงเข้ม รสชาติหวาน และเนื้อแน่น เป็นสายพันธุ์ ที่ได้รับความนิยม สำหรับการทานสด
• Rainier Cherry มีลักษณะเป็นสีเหลืองอมชมพู รสชาติหวานมาก และมีเนื้อนุ่ม เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่หายากและมีราคาสูง
• Montmorency Cherry เป็นเชอร์รี่เปรี้ยว มีสีแดงสดใส ส่วนใหญ่ใช้ในการทำเบเกอรี่ หรือแยม
• Sweetheart Cherry มีสีแดงสด รสชาติหวานลงตัว เหมากกับการทานสด

เชอร์รี ทำเมนูอะไรได้บ้าง

เชอร์รี สามารถนำมาสร้างสรรค์ เป็นเมนูอาหาร และขนมหวานมากมาย รวมถึงเครื่องดื่ม เชอร์รี่สามารถนำมาทำเป็นพาย, เค้ก, ครัมเบิ้ล, หรือทาร์ต ซึ่งเป็นขนมหวานคลาสสิก ที่เน้นชูรสชาติ หวานอมเปรี้ยวของเชอร์รี่

นอกจากนี้ เชอร์รี่ยังสามารถนำมาทำเป็นแยม หรือซอส เพื่อเสิร์ฟคู่กับเนื้อสัตว์ เช่น ซอสเชอร์รี่สำหรับเป็ดหรือหมูย่าง สำหรับเครื่องดื่ม การใช้เชอร์รี่ในการทำสมูทตี้, ค็อกเทล ก็เพิ่มความสดชื่น และรสชาติเฉพาะตัวให้กับเมนูต่างๆ

เชอร์รี ข้อควรระวังในการทาน

ในการทานเชอร์รี ควรระวังเรื่องการแพ้ผลไม้ และการกลืนเมล็ดเชอร์รี ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร และการปนเปื้อนของสารเคมี จากการใช้ยาฆ่าแมลง หากไม่ได้ล้างอย่างถูกวิธี

นอกจากนี้ เชอร์รี่มีสารเคมีธรรมชาติ ที่อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และการใช้ยาบางชนิด จึงควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ

สรุป Cherry ผลไม้ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวลงตัว

เชอร์รี เป็นผลไม้ที่มีรสชาติลงตัว ระหว่างความหวานและเปรี้ยว โดดเด่นด้วยสีสันสวยงาม และมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ เช่น ช่วยลดการอักเสบ ดีต่อหัวใจ ช่วยในการนอนหลับ สามารถทานสด หรือนำทำอาหาร และขนมหวาน ได้หลากหลายเมนู

อ้างอิง

 [1] medthai. (September 04, 2020). เชอร์รี่ สรรพคุณและประโยชน์. Retrieved from medthai

Raspberry หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาไทยว่า "ราสป์เบอร์รี" เป็นผลไม้สีแดง ที่มีรสชาติลงตัว ระหว่างความหวาน และความเปรี้ยว มีกลิ่นหอม ต้นกำเนิดมาจากยุโรป และเอเชียเหนือ ราสป์เบอร์รีเป็นผลไม้ ที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทั้งหมดนี้มีประโยชน์มากมาย ต่อสุขภาพของเรา

Raspberry ประวัติและที่มา

ราสป์เบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีประวัติยาวนาน ในภูมิภาคยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ ราสป์เบอร์รีถูกใช้ และปลูกมาตั้งแต่ยุคโบราณ ทั้งเป็นอาหาร และเพื่อการรักษาโรค ในหลายวัฒนธรรม ในยุคกลาง ราสป์เบอร์รีถูกนำมาใช้ในยุโรป เพื่อการประกอบอาหาร และการทำยา โดยมีการบันทึกสูตรอาหาร และยาสมุนไพร

การเพาะปลูกราสป์เบอร์รี เริ่มต้นขึ้นในยุโรป ในศตวรรษที่ 16 และต่อมาได้แพร่กระจาย ไปยังส่วนต่างๆ ของโลก โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือ [1] ซึ่งกลายเป็นผู้ผลิตราสป์เบอร์รีรายใหญ่ ในปัจจุบัน ราสป์เบอร์รีได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และถูกใช้ในหลากหลายรูปแบบ

Raspberry คุณค่าทางโภชนาการ

ราสป์เบอร์รี มีวิตามิน C สูง ซึ่งช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ และเสริมระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งดีต่อระบบย่อยอาหาร และช่วยลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ และโรคอ้วน

ราสป์เบอร์รียังมีแร่ธาตุ อย่างแมงกานีส ซึ่งมีส่วนช่วยในกระบวนการ เมตาบอลิซึม และต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกัน ความเสียหายของเซลล์ และต่อสู้กับโรคต่างๆ

Raspberry ผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ และดีต่อสุขภาพ

• ดีต่อหัวใจ การทานราสป์เบอร์รี ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โดยการลดคอเลสเตอรอล และความดันโลหิต
• ควบคุมน้ำหนัก ในราสป์เบอร์รีมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความต้องการอาหาร และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
• ป้องกันโรคมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระ ในราสป์เบอร์รี โดยเฉพาะ ellagic acid ช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็ง
• ดีต่อสุขภาพผิว วิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอย และอาการอักเสบ

Raspberry เมนูอาหาร

ราสป์เบอร์รี สามารถทานได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทานสดๆ การทำเป็นสมูทตี้ เพิ่มลงในซีเรียล หรือโยเกิร์ตสำหรับมื้อเช้า หรือใช้เป็นส่วนผสมในขนม เบเกอรี่ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ทำเป็นแยม หรือซอสที่ใช้ราดขนม ไอศกรีม หรือกับเนื้อสัตว์ก็เข้ากัน เช่นสเต๊กเนื้อ

Raspberry ข้อควรระวัง

แม้ว่าราสป์เบอร์รี จะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังในทาน เช่น ความเสี่ยงของการแพ้กับยาบางชนิด การปนเปื้อนของสารเคมี เช่นจากยาฆ่าแมลง ควรล้างให้สะอาด และควรเก็บรักษาให้เหมาะสม เนื่องจากเป็นผลไม้ที่บอบบาง และเสียได้ง่าย

สรุป Raspberry ผลไม้รสเปรี้ยวหวาน ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

Raspberry เป็นผลไม้ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์ มากมายต่อสุขภาพ ด้วยรสชาติที่หวาน และเปรี้ยวลงตัว ทำให้เป็นที่ชื่นชอบ และสามารถนำมาทำเมนูอาหาร ทั้งอาหารคาว หรือขนมหวาน การเพิ่มราสป์เบอร์รี เข้าไปในอาหารประจำวัน สามารถช่วยเพิ่มคุณค่า ทางโภชนาการ เพื่อสุขภาพที่ดีได้

อ้างอิง

 [1] medthai. (September 04, 2020). 16 สรรพคุณและประโยชน์ของราสเบอร์รี่. Retrieved from medthai