เนื่องจาก โบราณวัตถุชาวจีน วัตถุหายาก พร้อมบ่งบอกถึงความรู้เกี่ยวกับสาระที่น่ารู้ สำหรับวัตถุโบราณของชาวจีน ซึ่งยังเป็นสิ่งที่หายาก และ มีอายุมาอย่างยาวนาน พร้อมกับปัจจุบันสิ่งของโบราณเหล่านี้นั้น จะถือว่ามีมูลค่ามหาศาลอย่างมาก ในกลุ่มผู้ค้าของโบราณ
โดยของ โบราณวัตถุชาวจีน นั้นจะถือว่า เป็นสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของโบราณ โดยไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์ หรือ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยจะถูกทับถมจากดิน ที่ฝังอยู่ในโบราณสถาน หรือ ซากของมนุษย์ รวมถึงซากของสัตว์ต่างๆ สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ finearts
ซึ่ง โบราณวัตถุชาวจีน นั้นจะมีความหมายที่เกี่ยวกับ ของโบราณที่มีอายุเก่าแก่ พร้อมกับยังได้ถูกสร้างจากเตาเผาที่มีความเป็นมาจาก ประเทศจีน โดยไม่ว่าจะเป็นเหล่า อาวุธ หรือ ของอำนวยความสะดวกต่างๆ เพราะฉะนั้นจึงได้มีมูลค่าที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง
โดยความหมายหลักของ โบราณวัตถุ นั้นจะแสดงถึง ความเป็นมาตามยุคสมัยนั้น โดยจะระบุไว้จากเนื้อของวัสดุที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อที่จะระบุได้ว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อปีไหน และ ช่วงราชวงศ์ไหน โดยจะสามารถบอกได้ว่า วัตถุโบราณชนิดนี้มีอายุเป็นมาเท่าไร เป็นต้น
โดยวัตถุโบราณ ของชาวจีนจะส่งต่อมาจากยุคสมัยโบราณ ซึ่งสามารถรวมได้มากถึง 4 ยุคสมัย ของทางประวัติศาสตร์ของเหล่าชาวจีน ซึ่งจะมียุคสมัย ตามดังนี้
พิพิธภัณฑ์โบราณสุสานจิ้นซี ฮ่องเต้
ที่มา: สุสานจักรพรรดิฉินที่ 1 [1]
พิพิธภัณฑ์โบราณวัฒนธรรมฮ่องกง
ที่มา: พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมฮ่องกง [2]
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน
ที่มา: พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน [3]
เนื่องจาก ข้อมูลที่ทางเราได้รวบรวมมาได้มากถึง 3 วัตถุโบราณ ที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยยังไม่หมดเท่านั้น ยังเป็นวัตถุโบราณที่มีความพิเศษอย่างล้ำค่า ซึ่งแต่ล่ะชิ้นในปัจจุบันก็จะมีมูลค่ามหาศาลอย่างมาก โดยจะมี 3 วัตถุโบราณล้ำค่าอย่างมาก ตามดังนี้
ซึ่ง จุดเด่นของ โบราณวัตถุชาวจีน นั้นจะสอดคล้องไปกับ ลวดลายที่มีลักษณะอย่างโดดเด่น ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้น ยังเป็นวัตถุที่มีความสำคัญของทางด้านประวัติศาสตร์อย่างมาก โดยในสมัยปัจจุบันยังนับว่าเป็นสิ่งของที่มีมูลค่ามหาศาลอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้นแล้ว วัตถุโบราณของทาง วัฒนธรรมชาวจีนก็จะมี มูลค่าต่อมนุษย์อย่างมาก ซึ่งยังถือว่าหาได้อย่างยากยิ่งอีกด้วย โดยแต่ละยุคสมัยก็จะมีความสวยงาม และ ลวดลายที่แตกต่างกันออกไป จึงถือได้ว่าเป็นจุดที่โดดเด่นของแต่ละยุคสมัย เป็นต้น
สรุป โบราณวัตถุชาวจีน นั้นนับได้ว่าเป็นวัตถุโบราณ ที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยทางเราก็ได้แนะนำยุคสมัยที่ก่อสร้างวัตถุโบราณ ตามสมัยราชวงศ์ ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้นทางเรายังกล่าวถึงความหมายของวัตถุโบราณ และ แนะนำวัตถุโบราณของชาวจีน รวมถึงรีวิวพิพิธภัณฑ์ของชาวจีน อีกด้วย
[1] trip. (2024). สุสานจักรพรรดิฉินที่ 1. Retrieved from trip
[2] discoverhongkong. (2024). พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมฮ่องกง. Retrieved from discoverhongkong
[3] tripadvisor. (2024). พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน. Retrieved from tripadvisor
เนื่องจาก โบราณวัตถุชาวไทย ของเก่าแก่ดินแดนสยาม นั้นจะถือว่าเป็นของโบราณ ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองได้ ซึ่งจะเชื่อกันว่าเป็นวัตถุที่มีความเชื่อ ในการปกครองอารักขาแก่บ้านเมือง แถมยังเป็นสิ่งของที่แสดงถึงความเป็นมาของชาวไทยในสมัยก่อน
ซึ่ง โบราณวัตถุชาวไทย นั้นจะเป็นวัตถุโบราณที่มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา โดยส่วนใหญ่จะถือได้ว่าเป็น วัตถุที่มีแรงศรัทธาอันแรงกล้า ต่อชาวพุทธของเหล่าชาติไทย โดยในประเทศไทยนั้นก็ยังเป็นประเทศที่มีชาวพุทธเป็นจำนวนมาก
ซึ่งวัตถุโบราณ ส่วนใหญ่ก็จะมีความเกี่ยวข้องกับ ศาสนา โดยจะส่งต่อมาเป็นรูปแบบ ประติมากรรม, จิตรกรรม รวมถึง สถาปัตยกรรม ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้น ยังได้สืบทอดมาเรื่องของ ภาษา และ วรรณกรรม เพื่อที่จะส่งต่อให้เหล่าคนสมัยใหม่ เป็นต้น [1]
ซึ่งแหล่งโบราณคดี ที่อยู่ในบ้านเชียง โดยจะเป็นการแสดงถึง ของโบราณที่สืบเนื่องมาจาก วัฒนธรรมที่เก่าแก่ แต่ก็ยังถือได้ว่าเป็น แหล่งมรดกโลก โดยจะตั้งอยู่ที่ จังหวัดอุดรธานี ภายในอำเภอหนองหาน จะตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเชียง ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณบนเนินดินสูง ตามแนวตะวันออก จนไปถึง ทางตะวันตก
ซึ่งครอบคลุมไปด้วยพื้นที่ที่มีประมาณ 400 ไร่ โดยปัจจุบันบริเวณนั้นมี เชื้อสายลาวพวน ที่ถูกอพยพเคลื่อนย้ายมาอยู่ภายในชุมชนบ้านเชียง ซึ่งเป็นที่รวมเรื่องราวมาอย่างยาวนาน 4,300 ปี สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ worldheritagesite.onep
โดยประโยชน์ ของโบราณวัตถุชาวไทย นั้นจะสืบเนื่องมาจาก หลากหลายปัจจัย ที่สามารถแสดงถึง ถิ่นที่มา และ ความเป็นมาของ เหล่าชาวไทยทั้งชาติ ไม่ว่าจะเป็น โบราณสถาน หรือ โบราณวัตถุต่างๆ ก็จะสามารถบ่งบอกได้ ตามดังนี้
ได้มีการ คาดการณ์ว่าโบราณวัตถุชาวไทย นั้นจะมีอยู่ในไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะถูกพลัดหายไปนานกว่า 50 ปี ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นประติมากรรม ชิ้นเยี่ยมระดับโลก โดยยังถูกเคลือบด้วยผิวกะไหล่ทองทั้งองค์ โดยประติมากรรมที่หายไป มีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท
โดยได้ค้นพบอีกครั้งที่ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเจอในช่วงสงครามตอนปลายเวียดนาม หลังจากนั้นก็ได้มีพ่อค้าผู้หนึ่งที่ได้เข้ามา ถึงบริเวณที่เจอวัตถุโบราณ ในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งก็ได้ถูกซื้อต่อมาในราคาประมาณ 1 ล้านบาท จึงตกไปในของมือพ่อค้าจากต่างประเทศ
พิพิธภัณฑ์ ฮอลล์ออฟโอเปียม
ที่มา: พิพิธภัณฑ์ฮอลล์ออฟโอเปียม [2]
พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติเจ้าสามพระยา
ที่มา: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา [3]
เนื่องจาก ทางเราจะมาแนะนำ วัตถุโบราณของชาวไทย ที่ทางเราจะหยิบมานำเสนอเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งแต่ละชิ้นจะถูกขุดพบที่ ประเทศไทย พร้อมกับยังเป็นมรดกโลกของชาวไทย ที่มีมูลค่ามหาศาลอย่างมาก โดยจะมีเพียง 3 ชิ้น ตามดังนี้
สรุป โบราณวัตถุชาวไทย นั้นเป็นวัตถุโบราณที่มีความสำคัญอย่างมาก พร้อมกับยังอธิบายเกี่ยวกับโบราณวัตถุชาวไทย รวมถึงรีวิวแหล่งโบราณคดีอีกด้วย ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้นทางเรายังได้บอกถึงพิพิธภัณฑ์ ของวัตถุโบราณ รวมถึงแนะนำวัตถุโบราณของชาวไทย อีกด้วย
[1] thaipbs. (November 6, 2023). โบราณวัตถุสะท้อนความสำคัญ. Retrieved from thaipbs
[2] tripadvisor. (2024). พิพิธภัณฑ์ฮอลล์ออฟโอเปียม. Retrieved from tripadvisor
[3] museumthailand. (October 19, 2019). พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา. Retrieved from museumthailand
เนื่องจาก ชุดกิโมโน ชุดแต่งกายโบราณ ของเหล่าชาวญี่ปุ่น ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างยิ่ง ด้วยรูปลักษณ์การแต่งกาย พร้อมกับลวดลายที่สวยงาม แสดงถึงดินแดนอาทิตย์อุทัย และ ภูเขาฟูจิ ซึ่งจะเป็นเสื้อผ้าที่ถูกนับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่ง เป็นต้น
โดย ชุดกิโมโน นั้นเป็นเครื่องแต่งกายโบราณ ของเหล่าผู้หญิงชาวญี่ปุ่น ซึ่งจะมีเนื้อผ้าที่ทับซ้อนกันหลายชั้น พร้อมกับประกอบไปด้วยส่วนต่างๆของผ้ากิโมโน หรือจะถือว่าเป็นเสื้อคลุมขนาดยาว ที่จะมีลวดลายแตกต่างกันออกไป
โดยจากผู้ที่เคยสวมใส่ชุดกิโมโนแล้วนั้น ได้บอกถึงความสวยงาม และเนื้อผ้าที่หนา โดยปกคลุมไปทั่วร่างกาย เพื่อที่จะรับสภาพอากาศที่หนาวได้ แถมยังให้ความรู้สึกถึง ความสง่างาม พร้อมกับลวดลายที่โดดเด่น ซึ่งจะมีกลิ่นอายที่แสดงถึง ชุดโบราณของเหล่าญี่ปุ่น
โดยชุดกิโมโน นั้นจะมีส่วนประกอบที่เป็น เสื้อแบบญี่ปุ่น โดยจะมีชื่อว่า เสื้อนะงะงิ โดยลักษณะจะปกคลุมด้วยขนาดความยาวที่มีแขนเสื้อที่มีความกว้างอย่างยิ่ง พร้อมกับต้องมีสายรัด ที่มีชื่อว่า สายรัดโอบิ โดยจะใช้ในการรัดเสื้อคลุมให้คงที่ โดยชุดกิโมโนทั้งของหญิง และ เหล่าชายชาตรี
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ของเหล่าผู้หญิงที่ใส่ โดยจะมีการแบ่งของการสวมใส่ ด้วยชุดแขนยาวลวดลายดอกซากุระ จะถูกสวมใส่ด้วยหญิงโสด ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้วนั้นจะเป็นชุดกิโมโนที่เป็นรูปแบบแขนสั้น พร้อมกับลวดลายที่ไม่ฉูดฉาดมาก
โดยส่วนประกอบ ของชุดกิโมโน นั้นจะมีมากถึง 14 ส่วน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ ในการปกคลุมทั่วร่างกาย ของมนุษย์ โดยแต่ละชิ้นก็จะมีชื่อเรียกภาษาญี่ปุ่นที่แตกต่างกันออกไป พร้อมกับหน้าที่ของส่วนต่างๆที่แตกต่างกัน ตามดังนี้
เนื่องจากชุดกิโมโน นั้นจะเป็นชุดที่มีความนิยมอย่างมาก โดยจะได้รับการตกแต่งชุดท่อนบนด้วยเหล่าญี่ปุ่น ซึ่งท่อนล่างนั้นจะเหมือนกัน โดยต่อมาจะเริ่มต้นจาก ยุคเฮอัง โดยชาวญี่ปุ่นได้พัฒนาเทคนิคการตัดแต่งชุดเสื้อผ้า จนได้กลายมาเป็นรูปเสื้อชุดกิโมโน โดยจะเป็นที่มาที่เดียวกันกับ ดาวกระจายชูริเคน
โดยจนได้เข้าสู่ใน ยุคคะมะกุระ ทั้งผู้หญิง และ ชายก็เริ่มที่หันมาใส่ชุดประเภทนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นแฟชั่นอย่างยิ่ง โดยเวลาผ่านไปเร็วไวเข้าถึงใน ยุคเอโดะ ของตระกูลโทะกุงะวะ ซึ่งเหล่าขุนนางก็ได้ ให้เหล่าซามูไร หรือ สำนักในวังหลวงต่างๆ ตัดแต่งชุดให้เหมาะกับตัวเอง โดยเป็นชุดจากกิโมโน [1]
เนื่องจาก ทางเราจะมาอธิบายเกี่ยวกับ ร้านตัดชุดกิโมโน ซึ่งจะเป็นร้านที่มีชื่อว่า ยาวาตายะ (Yawataya) ซึ่งคนดูแลจาก ลุงเจ้าของใจดี ซึ่งจะเป็นการเล่าตำนานของชุดกิโมโน โดยจุดเด่นของร้านนี้จะอยู่ที่ชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมของมัตสึซากะ
ซึ่ง ร้านยาวาตายะ (Yawataya) จะตั้งอยู่ที่ เมืองมัตสิซากะ ทางตอนกลางของจังหวัดมิเอะ บริเวณตรงเขตฮิโนโช รหัสไปรษณีย์ 589-1 ภายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเปิดทำการในช่วง 11.00-18.00 นาฬิกา สามารถเดินทางด้วย JR ภายใน 7 นาที สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ visitmie-japan
ชุดสไตล์กิโมโน แบบยาว
ที่มา: V797 ชุดกิโมโนยาว [2]
ชุดกิโมโนแบบหรูหรา
ที่มา: เซทกิโมโนแบบหรูหรา [3]
สรุป ชุดกิโมโน นั้นเป็นเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอายยุคสมัยโบราณ พร้อมกับเป็นทางเราได้บ่งบอกถึงลักษณะ และ ประวัติความเป็นมา ของชุดประเภทนี้ ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้นทางเรายังได้อธิบายเกี่ยวกับส่วนประกอบ พร้อมกับรีวิวร้านตัดชุดกิโมโน และ บอกถึงราคาของชุดกิโมโน
[1] Wikipedia. (February 12, 2024). กิโมโน. Retrieved from Wikipedia
[2] casalenathailand. (2019-2024). V797 ชุดกิโมโนยาว. Retrieved from casalenathailand
[3] hefumiyabi. (2018-2024). เซทกิโมโนแบบหรูหรา. Retrieved from hefumiyabi
เนื่องจาก ดาวกระจายชูริเคน อาวุธโบราณของญี่ปุ่น จะเป็นอาวุธที่มีความสำคัญในการต่อสู้ รวมถึงยังนับเป็นอาวุธชั้นดีที่เอา ไว้ในการลอบสังหาร ซึ่งเป็นเพียงชิ้นเล็กๆเท่านั้น แต่พลังทำลายล้าง ก็ถือว่าสามารถทำลายล้างได้สูง เพราะฉะนั้นก็ได้นับถือได้ว่าเป็นอาวุธชั้นเลิศเลยทีเดียว
โดย ดาวกระจาย หรือเรียกว่า ซูริเคน (Shuriken) จะเป็นอาวุธของการใช้ขว้างเพื่อลอบสังหารในพริบตา โดยได้บ่งบอกว่าดาวกระจายรูปแบบนี้ จะนิยมอย่างมากของเหล่านินจาในสมัยก่อน ซึ่งในปัจจุบันยังถือได้ว่าเป็นอาวุธชิ้นหนึ่งของทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
แถมยังมีลักษณะที่เป็น แบบ 3 แฉก จนนับไปถึง 8 แฉก โดยลักษณะเฉพาะจะมีรูตรงกลาง เป็นวงกลม และบริเวณขอบนอกจะมีความคมอย่างมาก ซึ่งในยุคแรกนั้นจะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้ในการจู่โจม แต่จะใช้เพียงการเบี่ยงเบนความสนใจของเหล่าศัตรู เพื่อที่จะจู่โจมอย่างแม่นยำ
โดยทางเราจะกล่าวถึง ดาวกระจายชูริเคน ซึ่งมีที่มาหรือ ประวัติความเป็นมา ซึ่งดาวกระจายจะถูกแพร่กระจายและใช้กันเป็นจำนวนมากใน กลุ่มเหล่า นินจา ซึ่งกลุ่มนี้นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อช่วง สงครามที่ถูกปิดล้อม ก่อนหน้านั้นจะเริ่มผลิตดาวกระจายออกมา แต่ก็ได้นิยมมาใช้จริง
โดยเริ่มผลิตครั้งแรกที่ คริสต์ศักราช 1336-1573 โดยก่อนนั้นจะใช้ ก้อนหิน และ เข็ม รวมถึงมีดสั้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู โดยต่อมาก็เริ่มนิยมอย่างมากในปี 1590 ภายในเมืองโอดาวาระ (Odawara) ช่วงสงครามที่ถูกปิดล้อม จนแพร่กระจายในการใช้อาวุธรูปแบบนี้เป็นอย่างมาก
โดยนักโบราณคดี นั้นจะถูกขุดพบด้วยก้อนกลมดินเหนียว ซึ่งอยู่ที่เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-3 เซนติเมตร โดยอยู่ที่บริเวณซากปราสาทฮะจิโอจิ โดยจะมีขาที่งอกออกมา 4 ข้าง ซึ่งจะมีความคล้ายเป็นหนามแหลม
แถมบริเวณใกล้เคียง ของซากปราสาทอิวาซากิ และ ซากศาลากลาง ที่มีนามว่า โอวาดะ จินยะ ภายใต้จังหวัดไซตามะ ซึ่งพบอาวุธที่ปกคลุมไปด้วยดินเหนียวที่มี มุมแหลมคล้ายรูปหกเหลี่ยม โดยขนาดจะอยู่ที่ประมาณ 5 เซนติเมตร มากมายหลายชิ้นรวมถึงของโบราณอย่าง ชุดกิโมโน อีกด้วย [1]
ซึ่งจากที่ทางเราคาดการณ์ว่า ดาวกระจาย หรือ ซูริเคน (Shuriken) นั้นเป็นอาวุธที่จะช่วยในการ เบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อที่จะจู่โจมในการลอบสังหาร หรือ จะใช้ในการหลบหนีก็ได้เช่นกัน แต่ด้วยอาวุธสำคัญที่ใช้คู่กับดาวกระจาย จะมีตามดังนี้
ซึ่งอาวุธดาวกระจาย หรือ ชูริเคน นั้นจะต้อง จับให้มันแน่นก่อนที่จะขว้าง พร้อมกับกำหนดทิศทางที่จะข้างไป ซึ่งจะมีระยะยิงประมาณ 14 เมตร แต่ถึงปกติแล้วนั้นจะมีระยะประมาณ 3-6 เมตร ซึ่งจะต้องคาดการณ์กำหนดทิศทางของคู่ต่อสู้ที่กำลังวิ่งไป โดยในยุคหนึ่งของเหล่านินจานั้นจะมีการ
ใช้ดาวกระจายเพื่อหวังผลสำเร็จให้มากที่สุด ด้วยการเคลือบยาพิษ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ภายในครั้งเดียว ถึงจะไม่ทำให้เสียชีวิตภายในครั้งเดียว แต่การที่พิษเข้าไปถึงเส้นเลือด ก็จะทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติไปเรื่อยๆ สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ touken-world
อาวุธดาวกระจาย 3 แฉก
ที่มา: ดาวกระจาย นินจา Ninja 3 แฉก [2]
อาวุธดาวกระจาย 3 แฉก
ที่มา: 3 ชิ้นของ Ninja Stars [3]
สรุป ดาวกระจายชูริเคน นั้นเป็นอาวุธที่มีลักษณะ รวมถึงยังเป็นการบอกถึง การขุดพบอาวุธรูปแบบนี้ ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้น ทางเรายังได้บอกถึง อาวุธที่ใช้คู่กับดาวกระจาย พร้อมอธิบายเกี่ยวกับวิธีที่ใช้ดาวกระจาย รวมถึงยังแนะนำราคาของดาวกระจายอีกด้วย
[1] bbc. (February 18, 2022). ญี่ปุ่นพบอาวุธโบราณเก่าแก่. Retrieved from bbc
[2] jyshop1. (2024). ดาวกระจาย นินจา Ninja 3 แฉก. Retrieved from jyshop1
[3] chalizztc.wixsite. (2020-2024). 3 ชิ้นของ Ninja Stars. Retrieved from chalizztc.wixsite
เนื่องจาก ตุ๊กตาเทพีบัต มรดกยุคเก่าแก่ ซึ่งเป็นของโบราณวัตถุของชาวอียิปต์ ที่จะหาได้จากในพีระมิด ถือว่าเป็นตุ๊กตาที่มีความเชื่อมาจากหลากหลายศาสตร์ของชาวอียิปต์ แต่ก็ยังนับถือว่าเป็น เทพพระเจ้า ของชาวอียิปต์ โดยวันนี้ทางเราจะมากล่าวถึงสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณของอียิปต์
โดยไม่ว่าจะเป็น เทพ หรือ เทพี ก็จะได้รับความเคารพอย่างยิ่งของ ชาวอียิปต์สมัยโบราณ ซึ่งจะมีความเชื่อ และ พิธีกรรมต่างๆ โดยอย่างเช่น ตุ๊กตาเทพีบัต ก็ยังได้นับเป็นหนึ่งใน เทพีชั้นสูงของเหล่าอียิปต์ โดยมีถิ่นกำเนิดมาจากช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์
โดย เทพ และ เทพี เป็นตัวแทนของพลังธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เหนือธรรมชาติ ซึ่งเหล่าเทพนั้นจะถูกเคารพบูชา และ เอาใจทวยเทพผ่านการเซ่นไหว้ พร้อมกับการทำพิธีกรรมต่างเพื่อที่จะให้ เหล่าพลังเหนือธรรมชาติ ยังคงปกครองชาวอิยีปต์ หรือ ให้ทำตามคำบัญชาของสวรรค์ เป็นต้น [1]
ซึ่งตุ๊กตาเทพีบัต นั้นจะมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า เทวีบัสเตต หรือจะเรียกสั้นๆว่า บาสท์ (Bastet) จะมีรูปลักษณ์ ที่มีลำตัวเป็นมนุษย์ พร้อมกับบริเวณหัวนั้นจะเป็น หัวของแมว พร้อมกับลวดลายแบบรอนแรม ซึ่งบางครั้งจะมีการสวมใส่ อาวุธต่างๆ โดยหลักๆ จะถืออาวุธที่เป็น หอก พร้อมกับชุดเกราะ หรือเครื่องรางต่าง
โดยเทพีองค์นี้ นั้นจะเป็นเทพีที่แสดงถึงเทพเจ้าแห่งความรัก พร้อมมอบพรที่เกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ โดยก็เป็นวิถีชีวิตของชาวทาสแมว ตั้งแต่ในสมัยอียิปต์จนมาถึงสมัยปัจจุบัน โดยคาดการณ์ว่าเทพีองค์นี้เป็นแมวสายพันธุ์แรกที่เกิดขึ้น
ซึ่งเทพีบัต นั้นจะสืบเนื่องมาจาก สมัยก่อนของชาวอียิปต์ ที่มีการทำไร่นาเพาะปลูกหลักๆ โดยเมื่อได้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วนั้น จะนำมาเก็บไว้ในยุ้งฉาง แต่ก็เมื่อมีการเก็บผลผลิตแล้วนั้น สิ่งที่ตามมาก็จะเป็นสัตว์ประเภทหนู ที่เข้ามาแทะกินผลผลิตของชาวนา จนเน่าเสียและเสียผลผลิตไปมาก
พร้อมยังเป็นภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับ การเป็นพาหะนำโรคต่างๆนั้นจึงได้ ถือว่าเป็นภัยคุกคามขั้นสูงเลยทีเดียว เหตุนั้นจึงได้ต้องการเลี้ยงแมวเพื่อไว้ใช้ในการเฝ้าระวังเหล่าหนูโดยเฉพาะ โดยแรกเริ่มนั้นเชื่อว่าพอเริ่มมีหนู ก็จะเริ่มมีแมวออกมาช่วย พร้อมกับอยู่ข้างๆเหล่ามนุษย์ตลอด เป็นต้น
ซึ่งจากเรื่องเล่า ตามนิยายของชาวอียิปต์โบราณ ที่กล่าวถึง เทพรา ซึ่งเป็นเทพองค์แรกที่ต้องออกเดินทางในตอนกลางคืน ซึ่งด้วยเทพรานั้นเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ จึงต้องให้ เทวีจันทรา เป็นผู้ส่องทางในยามกลางคืน เพื่อให้เดินทางให้สะดวก โดยในการเดินทางนั้นเทพรา ก็จะต้องต่อสู้กับ เหล่าอสูรอยู่บ่อยครั้ง
จึงได้ทำการ จำแลงกลายเป็นแมว เพื่อที่จะใช้ตาของแมวในการมองกลางคืน เพื่อจะให้จู่โจมได้เต็มที่ ซึ่งครั้งนี้ เทพรา ก็ต้องเข้าต่อสู้กับ เทพงูยักษ์อะโปพิส (Apophis) โดยหากสู้ได้สำเร็จจะได้ แสงสว่างกลับมาสู่ ในวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าหากพ่ายแพ้ก็จะเกิดสุริยคราสนั้นเอง
เนื่องจาก ทางเราจะมาอธิบายเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์แกรนด์อียิปต์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับของโบราณ ของเหล่าชาวอียิปต์ ซึ่งภายในนั้นจะมีพื้นที่เปิดให้เยี่ยมชมมากถึง 480,000 ตารางเมตร พร้อมกับห้องที่จัดนิทรรศการที่มากถึง 12 ห้อง โดยจะมีโบราณวัตถุที่มีให้ศึกษามากถึง 100,000 ตารางเมตร
โดยพิพิธภัณฑ์แกรนด์อียิปต์ นั้นจะมีสถานที่จัดตั้งอยู่ที่ ในประเทศอียิปต์ ซึ่งจะจัดอยู่ในเมืองกีซา ภายในนครกรุงโคโร มีค่าบริการเข้าเยี่ยมชมประมาณ 600 บาท โดยจะมีวัตถุโบราณมากมายหลากหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็น รูปปั้นสฟิงซ์ หรือ รูปปั้นแมลงสคารับ สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ royalvacationtours
ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ถูกสร้างมาจาก ประเทศญี่ปุ่นโดยประเทศนี้นั้นจะมีวัตถุโบราณที่นิยมอย่างมากในสมัยก่อนก็จะเป็น ชุดเกราะซามูไร แต่สิ่งของที่เราจะนำเสนอนั้น ก็ยังคงมีกลิ่นอายที่เป็นของ โบราณของชาวอียิปต์ โดยจะมีของที่ระลึก ตามดังนี้
ตุ๊กตาเทพีบัตแมวมัมมี่ ฟาโรห์อียิปต์
ที่มา: Kitan Club [2]
กาชาปองตุ๊กตาเทพแมวอียิปต์
ที่มา: กาชาปองตุ๊กตาเทพแมวอียิปต์ [3]
สรุป ตุ๊กตาเทพีบัต นั้นถือได้ว่าเป็นการอธิบายเกี่ยวกับลักษณะของเทพีบัต ที่มีลักษณะคล้ายแมว และที่มาที่ทำให้เหล่าแมวกลายเป็นสัตว์ที่มีความนิยมอย่างมาก ซึ่งจะมีการบอกถึงตำนานของเทพีบัต ที่เกี่ยวกับเหล่าเทพอียิปต์ โดยทางเรายังได้แนะนำของที่ระลึกที่เป็นแบบแมวเทพีบัต
[1] Wikipedia. (June 23, 2023). เทพเจ้าอียิปต์โบราณ. Retrieved from Wikipedia
[2] shopee. (2024). Kitan Club. Retrieved from shopee
[3] otaku-machi.lnwshop. (2024). กาชาปองตุ๊กตาเทพแมวอียิปต์. Retrieved from otaku-machi.lnwshop
เนื่องจาก ชุดเกราะซามูไร โบราณวัตถุชาวญี่ปุ่น นั้นนับถือได้ว่าเป็น วัตถุโบราณของชาวญี่ปุ่น ที่เป็นของสะสมหายากอย่างมาก ซึ่งจะมีสาระที่ระบุเกี่ยวกับชุดประเภทนี้ พร้อมบ่งบอกถึงที่มาของชุดเกราะ โดยในสมัยก่อนจะเป็นชุดในการออกสงคราม เพื่อที่จะสู้รบกับแคว้นอื่นๆ
โดยหน้าที่หลักของชุดเกราะซามูไร นั้นจะสวมใส่สำหรับการป้องกัน จากภัยอันตรายที่จะมาจากอาวุธ ของนักรบซามูไร ในสมัยโบราณ และ ทหารเดินเท้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักรบ ชาวญี่ปุ่น ซึ่งในการต่อสู้ที่ถูกเรียกว่า จิตวิญญาณแห่งเหล็กกล้า โดยแต่ละชุดเกราะจะมีประเภทในการใช้ที่แตกต่างกันออกไป
โดยลักษณะของ ชุดเกราะนั้นจะมี น้ำหนักที่มาก และ มีแผงกำบังไหล่ พร้อมสีสันที่เป็นสีฉูดฉาดสะดุดตา ซึ่งจะเหมาะสมกับการใช้ในการขี่ม้า หรือ ชุดเกาะประเภทที่ใช้ในการเดินเท้า โดยชุดเกราะแต่ละประเภทนั้นจะมีน้ำหนัก และ รูปแบบการใช้ที่แตกต่างกันออกไป
ชุดซามูไรนั้นจะสืบเนื่องมาจาก ซามูไร โดยถูกนำเข้ามาสู่ประเทศญี่ปุ่น จากประเทศจีนแดนมังกรนั้นเอง ซึ่งจะสร้างขึ้นจากเหล็กกล้าชั้นสูง ที่มีความทนทานอย่างสูง ซึ่งจะร้อยด้วยเชือก โดยจะมีชิ้นส่วนต่างๆ ที่หลากหลายในการสวมใส่
โดยตัวแผ่นของชุดนั้นจะถูกออกแบบอย่างชาญฉลาด โดยจะแฝงไปด้วยความหนาของชุดมากกว่าหนึ่งชั้น โดยแผ่นเหล็กอ่อนจะอยู่ตรงบริเวณด้านหลัง เพราะจะทำให้การดูดซับแรงกระแทกจากการต่อสู้ ซึ่งบริเวณข้างหน้าของชุดเกราะนั้นจะเป็นเหล็กกล้าที่มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
โดยความจำเป็นของชุดซามูไร นั้นจะสามารถแบ่งแยกออกเป็นชิ้นๆ โดยชุดเกราะนั้นจะมีความหมายที่ว่า ซามูไรที่ทำหน้าที่ในการรักษาการณ์ ในคฤหาสน์นายของตน ซึ่งจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง สวมใส่ชุดเกราะเต็มรูปแบบ เมื่ออยู่ในคฤหาสน์นายของตนเอง แต่จะยกเว้นเมื่อเข้าสู่
ช่วงสงครามอย่าง เต็มอัตราศึก โดยเวลาที่ทำศึก สงคราม อาจจะสวมใส่อย่างเต็มรูปแบบ หรือ สวมใส่แค่เพียงแบบบริเวณแขนของชุดภายใต้ชุดของ กิโมโนปกติ โดยตรงแขนนั้นจะมีชุดเกราะที่มีความยืดหยุ่นได้มาก โดยถ้าเป็นช่วงที่ยังไม่ถูกจู่โจมอย่างเต็มอัตรา ก็จะใส่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น [1]
โดยจากการสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ชุดเกราะซามูไร ที่จะเป็นการจำแนกไว้เพียง 2 รูปแบบ โดยจะได้แก่ ชุดเกราะโยโรย และ ชุดเกราะโดะมะรุ ซึ่งชุดเกาะจะเป็นความหมายที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์เหมือนกับ ตุ๊กตาเทพีบัต นั้นเอง ซึ่งจะมีชุดเกราะประเภทต่างๆ ตามดังนี้
โดยทางเราจะมาแนะนำ ราคาของชุดเกราะที่สวมใส่ได้ พร้อมกับ ชุดเกราะจำลองที่เป็นของที่ระลึก เพื่อเอาไว้เป็นของตกแต่งบ้าน โดยจะมีสินค้าที่ทางเราแนะนำ ตามดังนี้
ชุดเกราะซามูไรโน โยชิสึเนะ (Minamoto-no-Yoshitsune)
ที่มา: Minamoto-no-Yoshitsune [2]
ชุดเกราะจำลองซามูไร
ที่มา: ชุดเกราะจำลองซามูไร [3]
โดยจะเป็นพิพิธภัณฑ์ พื้นบ้านเมืองเกียวดะ ที่จะเปิดให้สวมใส่ หรือ สวมบทบาทที่เกี่ยวข้องกับ เหล่าซามูไร เพราะฉะนั้นยังมีพื้นที่บ้านเรือน ที่มีความเป็นซามูไรยุคสมัยก่อน ซึ่งจะตั้งอยู่ใน ซากปราสาทโอชิ (Oshi) โดยจะเป็นกิจกรรมที่ยอดฮิตอย่างยิ่งของพิพิธภัณฑ์นี้ สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gltjp
สรุป ชุดเกราะซามูไร นั้นจะเป็นการระบุได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นที่มา พร้อมกับบ่งบอกถึงหน้าของชุดเกาะ โดยยังไม่หมดเท่านั้นทางเรายังได้จำแนกประเภทของชุดเกราะซามูไร โดยยังมีการบ่งบอกถึงราคาของชุดเกราะ พร้อมกับระบุถึงพิพิธภัณฑ์ซามูไรที่มีกิจกรรมมากมายให้เลือกทำ เป็นต้น
[1] Wikipedia. (September 27, 2023). เกราะญี่ปุ่น. Retrieved from Wikipedia
[2] suigenkyo.store. (2024). Minamoto-no-Yoshitsune. Retrieved from suigenkyo.store
[3] shopee. (2024). ชุดเกราะจำลองซามูไร. Retrieved from shopee
เนื่องจาก รูปปั้นแมลงสคารับ ของโบราณเก่าแก่ นั้นถือว่าเป็นของหายาก ในรูปแบบเครื่องรางหายาก ที่จะสามารถบ่งบอกได้หลายเรื่องของความเชื่อชาวอียิปต์ ซึ่งยังเป็นอีกหนึ่งเครื่องราง ที่มีความเชื่ออย่างมากสำหรับเหล่าชาวอียิปต์ เป็นต้น
โดยทางเรา จะมาอธิบายเกี่ยวกับ รูปปั้นแมลงสคารับ ที่จะสืบเนื่องมาจาก ด้วงมูลสัตว์ หรือศัพท์ที่เป็นทางการอย่าง เคเปอร์ โดยในสมัยฟาโรห์ ของชาวอียิปต์ในช่วงปลาย ศตวรรษที่ 13 ของราชวงศ์อียิปต์ ที่เป็นช่วงสมัยที่สอง ด้วยการขึ้นครองราชย์ระหว่างปี 1663-1649 คริสตกาล [1]
โดยจากการสืบค้นหาข้อมูลต่างๆมา ได้มีชื่อที่ทางเรารู้มาถึงสองชื่อ อย่างเช่น ด้วงมูลสัตว์ และ เคเปอร์ แต่ก็ยังมีลักษณะที่เป็น แมลงปีกแข็งจัด โดยลักษณะลำตัวนั้นจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ด้วยส่วนหัว, ส่วนอก และ ส่วนท้อง อย่างเห็นได้อย่างเด่นชัด
โดยตรงบริเวณส่วนของหัวนั้นจะแบน และ บานตรงกลางหัว ด้วยตรงหัวจะมีเขา ซึ่งถ้าเป็นตัวเมียนั้นจะมีเขาที่สั้นกว่า ซึ่งตัวผู้นั้นจะมีเขายาวกว่าคล้ายกับของนอแรด ซึ่งปีกทั้งสองข้าง จะมีปีกคู่หน้า ที่เป็นแบบปีกแข็ง ยาวไปถึงการคลุมลำตัว ซึ่งปีกคู่ด้านหลัง จะเป็นแบบอ่อนบางใส ซึ่งมีสีขาวสำหรับการใช้บิน
เพราะด้วยสัญลักษณ์ที่มาจากประเทศอียิปต์โบราณ เพราะด้วยเป็นสัญลักษณ์ที่แทนด้วย การฟื้นคืนชีพ หรือ การเปลี่ยนรูปร่าง โดยจะถูกยกย่องด้วยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่จะมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของชาวอียิปต์โบราณ โดยในสมัยก่อนนั้นจะนิยมบูชาด้วยความหมายของ การฟื้นคืนชีพใหม่อีกครั้ง
ซึ่งยังเป็นอีกความหมาย ที่เป็นเทพแห่งการเริ่มต้นใหม่ โดยถ้าเป็นการบูชานั้นจะเชื่อว่า ผู้ที่บูชาแมลงสคารับนั้นจะได้รับ พรฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง จึงได้ถูกสร้างเป็นเครื่องรางอีกชิ้น ที่มีประวัติการบูชามาอย่างยาวนาน ซึ่งเมื่อถึงพิธีกรรมมัมมี่ ก็จะมีการวางแมลงสคารับ ไว้ที่มัมมี่แทนหัวใจที่เกิดใหม่
ด้วยนักโบราณคดีที่มีนามว่า คาเล็ด อัล อนานี โดยเขานั้นได้สืบค้นที่โบราณวัตถุ ของสถานที่ประเทศอียิปต์ โดยเขาได้เจอมากมาย ในพีระมิดตรงบริเวณ รูปปั้นสฟิงซ์ ตรงบริเวณขั้นบันได แห่งซัคคารา ซึ่งจะอยู่ใต้ของกรุงไคโร ซึ่งครั้งนี้ได้ค้นพบทั้งหน้ากาก และ รูปปั้นเทพแมว รวมถึงมัมมี่แบบสัตว์ต่างๆ
โดยถ้าเป็นทางของเพื่อน คาเล็ด ที่มีนามว่า มอสตาฟา วาซิริ เขาก็ได้ค้นพบเจอแบบเดียวกันกับ คาเล็ด อัล อนานี แต่สิ่งที่พิเศษที่ได้เจอมากกว่าเพื่อเขานั้นก็จะเป็น รูปแกะสลักแมลงสคารับที่มีขนาดใหญ่ โดยยังถือว่าเป็นสคารับ ที่มีความใหญ่ ที่สุดตั้งแต่ได้ค้นพบมา สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ js100
ซึ่งจากบทความดังกล่าว ที่ได้กล่าวไปข้างต้นของ เครื่องรางสคารับ นั้นจะมีความเชื่อในเรื่อง ของความตาย ที่จะมีทักษะในเรื่องการฟื้นคืนชีพ อีกครั้งของผู้ครอบครอง ซึ่งจะใช้ในพิธีกรรมความตาย หรือ พิธีกรรมมัมมี่ต่างๆ
จี้สร้อยคอแมลงสคารับ
ที่มา: จี้แมลงสคาแร็บ [2]
ของที่ระลึกแมลงสคารับ
ที่มา: ประติมากรรม [3]
สรุป รูปปั้นแมลงสคารับ เป็นเครื่องรางที่อธิบายเกี่ยวกับสคารับ พร้อมกับบ่งบอกถึงแมลงดั้งเดิมที่เป็นตัวอย่างของสคารับ โดยจะมีช่วงที่นิยมอย่างมากสำหรับการบูชาสคารับ ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้นทางเรายังได้ อธิบายเกี่ยวกับผู้ค้นพบ และ ความเชื่อ รวมถึงการแนะนำสำหรับ เครื่องรางสคารับ
[1] Wikipedia. (April 12, 2019). ฟาโรห์เมอร์เคปเปอร์เร. Retrieved from Wikipedia
[2] shopee. (2024). จี้แมลงสคาแร็บ. Retrieved from shopee
[3] dargenta. (2021-2024). ประติมากรรม. Retrieved from dargenta
เนื่องจาก รูปปั้นสฟิงซ์ มรดกโลกหายาก ที่จัดให้เป็นหนึ่งในของที่มีค่า ที่ถูกจัดให้เป็นมรดกระดับโลก ซึ่งเพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีค่าอย่างมาก สำหรับชาวอียิปต์ ถึงจะมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็น สิ่งปลูกสร้างโบราณ ของทางประเทศอียิปต์
โดย รูปปั้นสฟิงซ์ นั้นจะเป็นรูปของสฟิงซ์ ที่จัดให้เป็นสัตว์ตำนานที่มีหัวเป็นมนุษย์ พร้อมกับร่างกายเป็นสิงโต ซึ่งจะมาจากการแกะสลักบนหินปูน ที่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยตั้งอยู่บริเวณที่ราบสูงของกีซา โดยอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ของประเทศอียิปต์
โดยมีความเชื่อกันว่า สฟิงซ์จะมีใบหน้าที่เป็นตัวแทนของฟาโรห์คาเฟร โดยในยุคที่เริ่มสร้างปราสาทอียิปต์นั้น จะมาจากประติมากรรมที่เก่าแก่ และ ทรงพลังที่สุดในยุคโบราณของประเทศอียิปต์ โดยหลักฐานของทางโบราณคดี จะได้กล่าวว่า ได้ถูกสร้างจากชาวอียิปต์โบราณ ในช่วงสมัยฟาโรห์คาเฟร
โดยรูปร่างของสฟิงซ์นั้นจะเป็นปีศาจ ที่คาดการณ์ว่าเป็นศีรษะของชาวสตรี พร้อมกับบางครั้งก็จะมีปีกของนก โดยสฟิงซ์นั้นมีความเชื่อที่ว่ากันว่า เป็นอสุรกายที่มีความอำมหิต ที่จะสังหารผู้ใดก็ตาม ที่ไม่สามารถตอบ ปริศนาของเขาได้
โดยตามขนาดของสฟิงซ์ นั้นจะสลักมาจากหิน ที่จะมีการฟื้นฟูด้วยบล็อกหินปูน ด้วยความยาวจากเท้าข้างหน้าจนไปถึง หางด้านหลัง จะมีความสูงอยู่ที่ 73 เมตร ซึ่งจะมีความสูงตั้งแต่ฐานจนไปถึงหัวประมาณ 20 เมตร ด้วยความกว้างตรงบริเวณโหนกด้านหลังจะอยู่ที่ 19 เมตร
ซึ่งประมาณ 1 พันปีต่อมา จากยุคสมัยของฟาโรห์คาเฟร ได้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรก แต่ก็เพราะด้วยถูกพายุทรายพัดทับถมจนเหลือเพียง แค่ส่วนหัว ซึ่งจากนั้นเจ้าชายธุตโมส ก็ได้ถูกเทพพระเจ้าของอียิปต์เข้าฝัน ซึ่งได้บอกให้พระองค์นำทรายที่ถูกทับถมสฟิงซ์อยู่ให้นำออก
โดยจากการทำแบบนี้ของเจ้าชาย ก็ได้ขึ้นครองอียิปต์เป็น ฟาโรห์ทุตโมสที่ 4 แห่งราชวงศ์ที่ 18 นับว่าเป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหนึ่งพระองค์ โดยหลังจากที่เจ้าชายขึ้นครอง สฟิงซ์ก็ถูกทับถมอีกรอบ โดยหลังจากนั้นก็ได้รับการรักษา จนถูกสร้างให้สมบูรณ์แบบ แบบเต็มตัวในปัจจุบัน [1]
โดยเรื่องเล่าของ สฟิงซ์ ที่เป็นประโยคคำถามอย่างยอดฮิต ซึ่งเมื่อใครที่ตอบไม่ถูกก็จะถูกสฟิงซ์สังหารทันที แต่ด้วยมีชายผู้หนึ่งที่มีนามว่า เอดิปัส โดยเขาได้เข้าไปในบริเวณของสฟิงซ์ ก็ได้เริ่มทายคำถามทันที “สัตว์อะไรเอ่ย ที่เดินได้ 4 ขาในตอนเช้า และเดิน 2 ขาในยามกลางวัน โดยเมื่อตอน เย็นจะเดิน 3 ขา”
ซึ่งหลังจากที่ เอดิปัสได้ยินคำถามก็ได้ตอบว่า “นั้นก็คือเหล่า มนุษย์ นั้นไง เพราะด้วยเมื่อได้เกิดมาก็จะคลานด้วย 4 ขา ในช่วงวัยทารก หลังจากพอโตก็จะเดิน 2 ขา ซึ่งเมื่อชราก็จะใช้ไม้เท้าจนต้องเดิน 3 ขา” ซึ่งเมื่อ สฟิงซ์ได้ยินก็รักษาสัญญาทันที [2]
โดยสถานที่ที่ตั้งของรูปปั้นสฟิงซ์ นั้นจะเป็นสถานที่ที่มีความพิเศษ ด้วยซากประหลักหักพังพร้อมกับของโบราณหลายชิ้นอย่าง รูปปั้นแมลงสคารับ ที่มีกลิ่นอายความเป็นอารยธรรมของ ชาวอียิปต์ โดยจะตั้งอยู่ที่ จะอยู่ในนครกีซา ในเขตของอัลจิซาห์ ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณทะเลทรายอัลกิซา ด้วยรหัส 3512201 [3]
ซึ่งไม่เพียงแค่ สฟิงซ์ เท่านั้นที่จะเปิดให้รับชม โดยยังมีประวัติศาสตร์มากมายที่ เปิดให้ศึกษาเกี่ยวกับมัมมี่ หรือ วัตถุโบราณ ของชาวอียิปต์ ที่จัดให้เป็นมรดกโลก ของทางประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความพิเศษอย่างมาก ด้วยอายุที่อยู่มาได้หลายพันปี ตั้งแต่เริ่มสร้างครั้งแรก
โดยบริเวณรอบข้าง ของวิหารสฟิงซ์ นั้นจะมีเศษซากของวิหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อนุสาวรีย์ยักษ์ใหญ่ พร้อมกับ รูปปั้นเหล่าเทพ สุริยเทพ รา หรือ เทพรา ที่เป็นตัวแทนของความแห้งแล้ง และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ของมหาสฟิงซ์ สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ngthai
สรุป รูปปั้นสฟิงซ์ ซึ่งถ้าทางเราก็ได้บ่งบอกถึง ประวัติความเป็น มาพร้อมกับ ลักษณะและ เรื่องเล่าที่เป็นประโยคคำถามเกี่ยวกับมหาเทพสฟิงซ์ พร้อมบอกถึงสถานที่ที่ตั้งของสฟิงซ์ รวมถึงได้บ่งบอก เกี่ยวกับวิหารบริเวณรอบข้าง ของรูปปั้นสฟิงซ์
[1] Wikipedia. (November 1, 2023). มหาสฟิงซ์. Retrieved from Wikipedia
[2] thairath. (December 2, 2018). สฟิงซ์ในตำนานกรีก. Retrieved from thairath
[3] trip. (2024). มหาสฟิงซ์. Retrieved from trip
เนื่องจาก รูปปั้นเจ้ายี่เข่ง นั้นเป็นรูปปั้นที่เป็น วัตถุโบราณในสมัยโบราณยุคเก่า ซึ่งจะมีตัวตนจริงที่มีประวัติเป็นมา มาอย่างยาวนาน ซึ่งจะได้รับเรื่องเล่ามาอย่างยาวนานที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้ายี่เข่ง โดยยังถือได้ว่าเป็นครูและผู้ดูแลของเหล่าราชวงศ์
โดยจากการอธิบายของทางเรา ที่เกี่ยวข้องกับ รูปปั้นเจ้ายี่เข่ง นั้นจะเป็นตัวตนจริง ที่ได้อยู่ในวังของเหล่าราชวงศ์ต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ดูแลเหล่าในหลวงช่วงสมัยเด็ก แถมยังเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาว โดยเขาตนนี้เคยได้ทั้งสองแผ่นดิน หรือ การขึ้นครองราชย์ของในหลวงทั้ง 2 สมัย
โดยตอนแรกนั้น จะมียศแรกเป็น หม่อมเจ้ายี่เข่ง เพราะด้วยเป็นหลานของปู่ของวังหน้า โดยเป็นหลานแท้ๆของวังหน้า ซึ่งเข้าสู่ช่วงรับราชการ ในตอนนั้นจะเป็นเพียงพนักงานนมัสการ ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 1 จากนั้นก็ได้ดำรงตำแหน่งมาถึง รัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5
ซึ่งในสมัยรัชกาลของ พระเจ้าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แต่งตั้งเพิ่มเติมให้รับราชการเกี่ยวกับ ผู้ถือรับคำสั่งเข้าออกนอกในวัง โดยจนต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพนักงานในการพระโอสถ ซึ่งจะเป็นการรักษาพยาบาล โดยต่อมาทรงยี่เข่งอายุสูงขึ้น ก็ได้รับหน้าที่เป็นข้าราชการฝ่ายหน้า [1]
โดยจุดเด่น ของพระเจ้ายี่เข่ง จะมีนิสัยที่เข้มงวด พร้อมจะดุแบบเคร่งครัดเข้มงวด แถมยังได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี พร้อมกับความจงรักภักดีอย่างมาก ที่เจ้าอยู่หัวมอบให้ แถมยังได้รับหน้าที่ในวังมาอย่างยาวนานในช่วงรัชกาลที่ 4-5 แล้วก็ยังทรงเพิ่มตำแหน่งหน้าที่การงานในวังได้ตลอด ที่ดำรงตำแหน่งอยู่
ซึ่งแถมยังเป็น การทำงานอย่างมีความซื่อสัตย์ จนได้รับความไว้วางใจจากพระราชหฤทัย แถมยังมีหน้าที่ที่ต้องดูแลเหล่าพระบาทสมเด็จ ในช่วงวัยเยาว์ โดยยังมีความดุที่เป็นตัวช่วยดูแลเหล่าเด็กในวังเพื่อที่ จะให้การดูแลออกมาดีที่สุด เป็นต้น
โดยจะมีเรื่องเล่าอยู่หนึ่งเรื่อง ที่พูดถึงว่า พระเจ้ายี่เข่ง นั้นจะมีนิสัยที่เข้มงวด พร้อมกับปนๆกับความชราที่น่ากลัว โดยจะถือไม้บรรทัดไว้ที่มือตลอดในการตรวจสอบ จนได้มีเหล่าเรื่องเล่าในวังที่พูดว่า ถ้าไม่กินยา เจ้าเข่งจะมาตีเอานะ เป็นคำพูดที่เหล่าเด็กๆในวังกลัวเป็นอย่างมาก
แต่ก็ยังเป็นเรื่องคำพูด ที่พูดล้อเล่น ก็ยังเป็นความเข้มงวด เพื่อที่ให้เหล่าเด็กได้ดี ที่ถูกเลี้ยงดู และดูแลจากพระเจ้ายี่เข่ง แต่ก็ยังมีความอ่อนโยนที่ดูแลเหล่าสมเด็จเจ้าอยู่หัว เพื่อที่จะให้เดินในทางคุณธรรม พร้อมยังมีบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สูงกับวังชั้นใน สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ sarakadeelite
โดยพระเจ้ายี่เข่ง จากตอนแรกเป็น หม่อมเจ้ายี่เข่ง ที่ได้รับตำแหน่งเป็น พระวงศ์เธอ โดยทรงศักดินาในปี 2,000 ภายในวันศุกร์ เดือนที่ 12 แรม 4 ค่ำ ในปีกุน โดยเกียรติยศที่ได้ก็จะประกอบไปด้วย หีบหมากทองคำ ลงยาราชาวดี พร้อมกับกาน้ำทองคำรูปทรงกระบอก เป็นเครื่องประกอบเกียรติยศ
โดยวันสุดท้ายของ พระเจ้ายี่เข่ง จากที่ได้รับตำแหน่งเป็น พระวงศ์เธอพระองค์เจ้ายี่เข่ง ซึ่งเข้าสู่ช่วงปี 2439 ในวันที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ ได้เป็นวันสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ายี่เข่ง หลังจากนั้นก็ได้นำไปทำพิธีใน พระเมรุวัดสระเกศ ในวันที่ 24 เมษายน ปี 2441 [2]
โดย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร นั้นจะประกอบไปด้วย เหล่าของโบราณทางประวัติศาสตร์แห่งแผ่นดิน ของชาติไทย ซึ่งเป็นของโบราณที่มาจากสถานที่ในวังหน้า ซึ่งจะประกอบไปด้วย กลองมโหระทึก และ งาช้างดำ ที่ถือว่าเป็นของโบราณระดับชาติ ของเหล่าชาวไทยทั้งประเทศ
โดย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ที่มีนามว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร โดยจะตั้งอยู่ที่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร ในเขตพระนคร ภายใต้แขวงพระบรมมหาราชวัง บนถนนถนนหน้าพระธาตุ ในเลขที่ 4 โดยจะเปิดทำการในช่วง 09.00-16.00 และมีค่าเข้าชมเพียง 30-200 บาท เป็นต้น [3]
สรุป รูปปั้นเจ้ายี่เข่ง นั้นเป็นของโบราณ ที่ถูกปั้นมาจากคนจริงๆ โดยผู้คนที่ถูกปั้นนั้นก็มีประวัติที่สำคัญของรัชกาลที่ 4-5 โดยทางเรายังได้บ่งบอกถึง จุดเด่น และเกียรติยศที่ได้รับ พร้อมกับเรื่องเล่าต่างๆที่เกี่ยวข้องกับท่านผู้นี้ โดยทางเรายังได้บ่งบอกถึงพิพิธภัณฑ์ ที่มีการเก็บรักษารูปปั้นเจ้ายี่เข่งไว้
[1] finearts. (2020-2024). พระรูปพระองค์เจ้ายี่เข่ง. Retrieved from finearts
[2] Wikipedia. (August 23, 2024). พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้ายี่เข่ง. Retrieved from Wikipedia
[3] museumthailand. (June 20, 2023). พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร. Retrieved from museumthailand
เนื่องจาก กลองมโหระทึก มรดกของชาวไทย ซึ่งเป็นกลองโบราณตั้งแต่ยุคเก่าแก่ โดยเวลาผ่านไปเร็วไวนั้นจะมี สภาพที่เก่าแก่ลง แต่ก็ยังคงเป็นของโบราณที่ถือว่ามีสภาพที่ดีที่สุดแล้ว ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติระดับประเทศ ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้นยังเป็นกลองที่มีหน้ากลอง และ ลำตัวที่โดดเด่น
โดยการอธิบายเกี่ยวกับ กลองมโหระทึก เบื้องต้นนั้นจะมี รูปร่างที่ประกอบไปด้วย หน้ากลอง และ ลำตัว ซึ่งหน้ากลองจะตกแต่งไปด้วยลายพระอาทิตย์ และมีลายเรขาคณิต ที่เป็นตัวกลองมีส่วนบนที่บานออก ซึ่งจะใช้กับพิธีต่างๆ เพื่อเล่นดนตรีประกอบกับจังหวะของพิธีต่างๆ
ซึ่งคาดการณ์ได้ว่ากลองมโหระทึก นั้นเป็นหนึ่งชนิดที่ใช้ในการประกอบพิธี โดยบางความเชื่อนั้นเชื่อว่า กลองชนิดนี้เป็นกลองที่มาจาก ชนชาติส่วนน้อยของทางภาคใต้ ในประเทศจีน แต่ก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่เหมือนกับกลองมโหระทึก ซึ่งก็ยังมีลักษณะบางอย่างที่คล้ายกัน โดยจะพูดถึงประวัติความเป็นมานั้น
จะเป็นการตกผลึกของวัฒนธรรมประจำชาติ ซึ่งเป็นของชนชาติจ้วง โดยจากนั้นกลองประเภทนี้ก็ได้แพร่หลายเป็นไปในหลายๆประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศลาว, ประเทศพม่า, ประเทศไทย โดยประเทศจีนจะถือว่าเป็นประเทศแรกๆที่รู้จักกับกลองชนิดนี้ สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ thai.cri
โดยจะมีรูปลักษณ์ของลำตัว และ หน้ากลอง รวมถึงฐาน ซึ่งจะมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงลวดลายที่โดดเด่นอย่างมากที่จะมีมากถึง 3 ลาย ได้แก่ ลวดลายดวงดาว หรือดวงอาทิตย์, ลวดลายนกบิน และ ประติมากรรมลอยตัวบนหน้ากลองที่เป็นรูปกบ
ซึ่งถ้าพูดถึงขนาด ของกลองมโหระทึก จะมีส่วนฐาน 18.5 เซนติเมตร พร้อมกับความสูงโดยประมาณ 16.5 เซนติเมตร ขนาดของหน้ากลองจะอยู่ที่ 15.5 เซนติเมตร เนื้อวัสดุของกลองมโหระทึกจะเป็นเนื้อ สำริด เป็นวัสดุที่มาจากศตวรรษที่ 5-10 [1]
โดยรูปแบบกลองมโหระทึก นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 4 แบบ ซึ่งจะมีลักษณะและรูปทรง รวมถึงลวดลายจะมีความแตกต่างกันของทั้ง 4 ตามดังนี้
โดยจากนักเชี่ยวชาญหลายคน ได้ศึกษาไว้ว่า เป็นกลองที่มีจุดประสงค์ในด้าน การเล่นดนตรีสร้างความบันเทิง หรือ อาจจะเป็นการเล่นดนตรีสำหรับบูชาเทพพระเจ้า โดยเหล่าผู้ที่ศึกษาศาสตร์ประเภทนี้ ได้บ่งบอกถึงว่าเป็น การแสดงถึงฐานะ และ ความมั่นคงมั่งมี
โดยการใช้ กลองประเภทนี้ จะใช้เกี่ยวข้องกับพิธีแห่งความตาย เพราะด้วยชาวกะเหรี่ยงในประเทศพม่า นั้นจะใช้กลองแบบนี้เพื่อเรียกวิญญาณของผู้ที่จากโลกมนุษย์ไป ซึ่งเชื่อกันว่า ผู้ตายจะแปลงกายเป็นนก
โดยทางเราจะมาบ่งบอก เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ ที่ได้เก็บกลองมโหระทึก ไว้ในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งแต่ละพิพิธภัณฑ์จะได้เก็บ ของโบราณไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น งาช้างดำ รูปปั้นเจ้ายี่เข่ง และของโบราณจากจีนอย่าง จอกเหล้าสามขา ซึ่งจะมีพิพิธภัณฑ์ ตามดังนี้
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชุมพร
ที่มา: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร [2]
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง
ที่มา: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง [3]
สรุป กลองมโหระทึก นั้นจะเป็นมรดกโลก ที่ถูกระบุไว้ว่าเป็นของโบราณ รวมถึงทางเรายังได้บอกถึงลักษณะ และประวัติความเป็นมาต่างๆ โดยยังไม่หมดเท่านั้น ทางเรายังได้แนะนำประเภทของกลองรูปแบบนี้ รวมถึงแนะนำพิพิธภัณฑ์ต่างๆที่ได้เก็บรักษาของกลองมโหระทึกไว้
[1] finearts. (2020-2024). กลองมโหระทึก. Retrieved from finearts
[2] db.sac. (2021-2024). พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร. Retrieved from db.sac
[3] museumthailand. (June 15, 2023). พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง. Retrieved from museumthailand