เนื่องจาก รูปปั้นสฟิงซ์ มรดกโลกหายาก ที่จัดให้เป็นหนึ่งในของที่มีค่า ที่ถูกจัดให้เป็นมรดกระดับโลก ซึ่งเพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีค่าอย่างมาก สำหรับชาวอียิปต์ ถึงจะมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็น สิ่งปลูกสร้างโบราณ ของทางประเทศอียิปต์
โดย รูปปั้นสฟิงซ์ นั้นจะเป็นรูปของสฟิงซ์ ที่จัดให้เป็นสัตว์ตำนานที่มีหัวเป็นมนุษย์ พร้อมกับร่างกายเป็นสิงโต ซึ่งจะมาจากการแกะสลักบนหินปูน ที่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยตั้งอยู่บริเวณที่ราบสูงของกีซา โดยอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ของประเทศอียิปต์
โดยมีความเชื่อกันว่า สฟิงซ์จะมีใบหน้าที่เป็นตัวแทนของฟาโรห์คาเฟร โดยในยุคที่เริ่มสร้างปราสาทอียิปต์นั้น จะมาจากประติมากรรมที่เก่าแก่ และ ทรงพลังที่สุดในยุคโบราณของประเทศอียิปต์ โดยหลักฐานของทางโบราณคดี จะได้กล่าวว่า ได้ถูกสร้างจากชาวอียิปต์โบราณ ในช่วงสมัยฟาโรห์คาเฟร
โดยรูปร่างของสฟิงซ์นั้นจะเป็นปีศาจ ที่คาดการณ์ว่าเป็นศีรษะของชาวสตรี พร้อมกับบางครั้งก็จะมีปีกของนก โดยสฟิงซ์นั้นมีความเชื่อที่ว่ากันว่า เป็นอสุรกายที่มีความอำมหิต ที่จะสังหารผู้ใดก็ตาม ที่ไม่สามารถตอบ ปริศนาของเขาได้
โดยตามขนาดของสฟิงซ์ นั้นจะสลักมาจากหิน ที่จะมีการฟื้นฟูด้วยบล็อกหินปูน ด้วยความยาวจากเท้าข้างหน้าจนไปถึง หางด้านหลัง จะมีความสูงอยู่ที่ 73 เมตร ซึ่งจะมีความสูงตั้งแต่ฐานจนไปถึงหัวประมาณ 20 เมตร ด้วยความกว้างตรงบริเวณโหนกด้านหลังจะอยู่ที่ 19 เมตร
ซึ่งประมาณ 1 พันปีต่อมา จากยุคสมัยของฟาโรห์คาเฟร ได้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรก แต่ก็เพราะด้วยถูกพายุทรายพัดทับถมจนเหลือเพียง แค่ส่วนหัว ซึ่งจากนั้นเจ้าชายธุตโมส ก็ได้ถูกเทพพระเจ้าของอียิปต์เข้าฝัน ซึ่งได้บอกให้พระองค์นำทรายที่ถูกทับถมสฟิงซ์อยู่ให้นำออก
โดยจากการทำแบบนี้ของเจ้าชาย ก็ได้ขึ้นครองอียิปต์เป็น ฟาโรห์ทุตโมสที่ 4 แห่งราชวงศ์ที่ 18 นับว่าเป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหนึ่งพระองค์ โดยหลังจากที่เจ้าชายขึ้นครอง สฟิงซ์ก็ถูกทับถมอีกรอบ โดยหลังจากนั้นก็ได้รับการรักษา จนถูกสร้างให้สมบูรณ์แบบ แบบเต็มตัวในปัจจุบัน [1]
โดยเรื่องเล่าของ สฟิงซ์ ที่เป็นประโยคคำถามอย่างยอดฮิต ซึ่งเมื่อใครที่ตอบไม่ถูกก็จะถูกสฟิงซ์สังหารทันที แต่ด้วยมีชายผู้หนึ่งที่มีนามว่า เอดิปัส โดยเขาได้เข้าไปในบริเวณของสฟิงซ์ ก็ได้เริ่มทายคำถามทันที “สัตว์อะไรเอ่ย ที่เดินได้ 4 ขาในตอนเช้า และเดิน 2 ขาในยามกลางวัน โดยเมื่อตอน เย็นจะเดิน 3 ขา”
ซึ่งหลังจากที่ เอดิปัสได้ยินคำถามก็ได้ตอบว่า “นั้นก็คือเหล่า มนุษย์ นั้นไง เพราะด้วยเมื่อได้เกิดมาก็จะคลานด้วย 4 ขา ในช่วงวัยทารก หลังจากพอโตก็จะเดิน 2 ขา ซึ่งเมื่อชราก็จะใช้ไม้เท้าจนต้องเดิน 3 ขา” ซึ่งเมื่อ สฟิงซ์ได้ยินก็รักษาสัญญาทันที [2]
โดยสถานที่ที่ตั้งของรูปปั้นสฟิงซ์ นั้นจะเป็นสถานที่ที่มีความพิเศษ ด้วยซากประหลักหักพังพร้อมกับของโบราณหลายชิ้นอย่าง รูปปั้นแมลงสคารับ ที่มีกลิ่นอายความเป็นอารยธรรมของ ชาวอียิปต์ โดยจะตั้งอยู่ที่ จะอยู่ในนครกีซา ในเขตของอัลจิซาห์ ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณทะเลทรายอัลกิซา ด้วยรหัส 3512201 [3]
ซึ่งไม่เพียงแค่ สฟิงซ์ เท่านั้นที่จะเปิดให้รับชม โดยยังมีประวัติศาสตร์มากมายที่ เปิดให้ศึกษาเกี่ยวกับมัมมี่ หรือ วัตถุโบราณ ของชาวอียิปต์ ที่จัดให้เป็นมรดกโลก ของทางประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความพิเศษอย่างมาก ด้วยอายุที่อยู่มาได้หลายพันปี ตั้งแต่เริ่มสร้างครั้งแรก
โดยบริเวณรอบข้าง ของวิหารสฟิงซ์ นั้นจะมีเศษซากของวิหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อนุสาวรีย์ยักษ์ใหญ่ พร้อมกับ รูปปั้นเหล่าเทพ สุริยเทพ รา หรือ เทพรา ที่เป็นตัวแทนของความแห้งแล้ง และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ของมหาสฟิงซ์ สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ngthai
สรุป รูปปั้นสฟิงซ์ ซึ่งถ้าทางเราก็ได้บ่งบอกถึง ประวัติความเป็น มาพร้อมกับ ลักษณะและ เรื่องเล่าที่เป็นประโยคคำถามเกี่ยวกับมหาเทพสฟิงซ์ พร้อมบอกถึงสถานที่ที่ตั้งของสฟิงซ์ รวมถึงได้บ่งบอก เกี่ยวกับวิหารบริเวณรอบข้าง ของรูปปั้นสฟิงซ์
[1] Wikipedia. (November 1, 2023). มหาสฟิงซ์. Retrieved from Wikipedia
[2] thairath. (December 2, 2018). สฟิงซ์ในตำนานกรีก. Retrieved from thairath
[3] trip. (2024). มหาสฟิงซ์. Retrieved from trip