เนื่องจาก งาช้างดำ สำรวจวัตถุโบราณ ที่เป็นเกร็ดความรู้สำคัญ ของสาระที่ควรรู้ ซึ่งเดิมแล้วนั้นจะถือว่าเป็นสมบัติที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง ในหลายชั่วอายุคน โดยจะมีลักษณะที่ทรงความสง่างามอย่างโดดเด่น โดยจะเป็นงาช้างที่มีความยาว และน้ำหนักที่ไม่มาก พร้อมกับได้จารึกอักษรธรรมของจังหวัดล้านนา
โดยคาดการณ์ว่า งาช้างดำ นั้นจะเป็นสมบัติอันทรงคุณค่า ที่ถือว่าเป็นวัตถุโบราณคู่บ้านคู่เมือง ของเหล่าชาวไทย โดยจะมีลักษณะคล้ายกับ งาปลี พร้อมกับสีน้ำตาลเข้ม และประกอบอักษรล้านนาที่ถูกจารึกไว้ในงาช้าง
ซึ่งยังอักษรที่ถูกจารึกไว้นั้น จะถอดความหมายที่ว่า สิ่งนี้หนักได้หนึ่งหมื่นห้าพัน โดยคาดการณ์ว่าจะมีน้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม โดยเดิมแล้วนั้นจะเป็นสมบัติที่ได้รักษาสืบต่อกันมา มาอย่างยาวนาน โดยจากการศึกษาไว้ว่าเป็นงาช้างที่ถูกถอดออกมาจากตัวช้าง สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ finearts
ซึ่งงาช้างชนิดนี้นั้น จะมีลักษณะที่มีความคล้ายกับ งาปลี โดยมีความยาวประมาณ 97 เซนติเมตร พร้อมกับส่วนที่ใหญ่ที่สุดประมาณ 47 เซนติเมตร ส่วนที่ลึกที่สุดได้ประมาณ 14 เซนติเมตร โดยจะมีสีออกน้ำตาลเข็มแต่ก็ไม่ถือว่าดำสนิท
เพราะฉะนั้นก็จะมีน้ำหนักประมาณ 14 กิโลกรัม โดยจากที่เราได้กล่าวไปข้างต้นนั้น ว่างาช้างชนิดนี้ได้ถูกถอด มาจาก ช้างที่มีอายุประมาณ 60 ปีซึ่งมีอายุที่มากแล้วก็ใกล้เคียงกับวัตถุโบราณอีกชิ้นที่มีชื่อว่า จื่อหนานเจิน โดยนักศึกษาที่ได้ศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ คาดการณ์ว่าเป็น งาช้างของช้างที่อยู่ด้านซ้าย เป็นต้น
โดยงาช้างดำ นั้นจะเริ่มต้นที่ประมาณ ปี 2353-2368 โดยนายพรานคนหนึ่งใน เมืองน่านที่ได้เข้าป่าไป ล่าสัตว์จนได้เข้าถึงเขตแดนระหว่าง ไทยและ เชียงตุง ซึ่งได้พบกับซากของช้างตัวสีดำสนิทที่เสียชีวิตแล้ว เป็นเวลาเดียวกันที่นายพรานได้มาพบเจอ โดยนายพรานท่านนั้น ก็ได้นำมาถวายต่อเจ้าเมืองของตนเอง
ซึ่งเรื่องเล่าที่ ต่อจากการพบเจอนั้น โดยในสมัยก่อนนั้นได้บอกว่า เมื่อ งาช้างทั้งสองอยู่ในที่ที่เดียวกัน จึงทำให้เกิดเมืองนั้นเกิดความเดือดร้อนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การถูกล่าอาณานิคม พร้อมกับพืชที่เจริญเติบโตได้ยาก จึงควรที่จะนำมาแยกออกจากกัน ในสองจังหวัดระหว่าง น่าน และ เชียงตุง เป็นต้น
งาช้างดำนั้น จะถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี โดยจะแสดงถึง ความจงรักภักดี และ การปกครองบ้านเมือง โดยจะส่งเสริมให้ บ้านเมืองมีการเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี ซึ่งยังเป็นสมบัติที่ต้องเก็บรักษาแบบสืบต่อมากันอย่างยาวนาน ซึ่งในอดีตตอนที่ถูกจารึกไว้
ได้บ่งบอกว่า มีงาช้างชนิดนี้ไว้ จะส่งผลให้มีความเจริญรุ่งโรจน์ ให้แก่เมืองนี้พร้อมกับผลผลิตที่เพิ่มพูนงอกออกในปริมาณมากมาย โดยยังส่งผลให้การค้าของเมืองนั้นๆดี จึงทำให้การเกษตรมีความเจริญอย่างมาก ถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆ ใยช่วงนั้นๆ
งาช้างประดับกระจก
ที่มา: งาช้าง40cmแกะสลัก [1]
งาช้างแกะสลักรูปมังกร
ที่มา: งาช้าง งาช้างคู่ [2]
โดย พิพิธภัณฑ์ ที่มีงาช้างดำ จะมีนามว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเมืองน่าน ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงประเภท ชีวประวัติ, ประวัติศาสตร์ และ โบราณคดี โดยเป็นกรมศิลปากร ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ จังหวัดน่าน ในอำเภอเมือง ตำบลในเวียง บนถนนผากอง มีค่าเข้าอยู่ที่ 20 บาท และ 100 บาทของชาวต่างชาติ [3]
สรุป งาช้างดำ เป็นการอธิบายเกี่ยวกับงาช้าง พร้อมกับบ่งบอกถึงลักษณะของงาช้าง ซึ่งยังไม่หมดเท่านั้นยังมีการอธิบายเกี่ยวกับ ประวัติความเป็นมาของงาช้าง พร้อมกับความหมายของงาช้าง และการแนะนำของประดับที่เป็นงาช้าง รวมถึงการรีวิวพิพิธภัณฑ์ที่มีงาช้างดำอยู่ข้างใน
[1] lazada. (2024). งาช้าง40cmแกะสลัก. Retrieved from lazada
[2] lazada. (2024). งาช้าง งาช้างคู่. Retrieved from lazada
[3] museumthailand. (November 19, 2019). พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน. Retrieved from museumthailand