เกม Street fighter ความน่าสนใจของเกม และปุ่มกดใหม่

เกม Street fighter เกมสไตล์ต่อสู้ที่ดำเนินเรื่องมาถึงภาคหกแล้ว ซื้อตอนนี้อยู่ในกิจกรรม Capcom ลดราคาอยู่ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ผู้เล่นหลายคนจะสนุกได้ไม่ยาก เพราะไม่ต้องสนใจในเรื่องของเทคนิค และระบบ Mechanic ในการกดปล่อยท่าต่างๆ โดยภาคนี้ก็มีทั้งการกดจอยแบบใหม่ออกมาถึง 3 แบบที่กดเพียงปุ่มเดียวก็ปล่อยท่าได้แล้ว 

โหมดเนื้อเรื่องและระบบที่นาสนใจของ Street fighter

โดยในโหมดเนื้อเรื่องของเกมนี้เป็นเนื้อเรื่องของตัวที่เราสร้างมา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาคก่อนหน้านี้เลย ซึ่งเล่าถึงการไปฝึกวิชากับอาจารย์ที่เป็นตัวละครหลักในเกม และดันให้ตัวละครเสริมในภาคก่อนมาเป็นตัวหลักของเรื่องด้วย อย่าง Luke ที่ให้ตัวเราเริ่มฝึกกับคนนี้ก่อนเพื่อนเลย ในการเล่นโหมดนี้ที่เรียกว่าโหมด world tour ก็ยังสามารถเดินทางไปฝึกกับตัวละครต่างๆ 

ซึ่งสามารถนำเอาวิชาหรือท่าของแต่ละตัวมาใช้ได้ด้วย แถมยังทำให้คำว่า “Street fighter” เป็น Street fighter อย่างแท้จริงไปอีกด้วยการเดินไปท้าใครต่อยตีก็ได้ตามข้างทางได้หมด แถมเกมยังมีระบบ PVP ที่ให้เราสู้กับคนอื่นได้ด้วยฝีมือและความสร้างสรรค์  ทั้งแบบสู้กันใน Rank โดยใช้ตัวในเกม กับโหมดที่ใช้ตัวที่สร้างเองโดยผสมท่าต่างๆ เข้าไปจนเดาไม่ออกว่าจะมาท่าไหนบ้าง 

ปุ่มกดทั้งสามประเภทแตกต่างกันอย่างไร ?

ถึงแม้ว่าเกมนี้จะมีผู้เล่นที่จริงจังฝึกกดท่ามาอย่างแม่นยำ และมีผู้เล่นที่กดมั่วๆ ก็สนุกได้ แต่อย่างไรทางผู้พัฒนาก็ออกแบบการกดจอยใหม่ๆ ที่เหมาะกับผู้เล่นถึง 3 กลุ่ม ให้สนุก และช่วยให้เล่นได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก  จากท่าที่กดมั่วๆ นานๆที่จะออกมาก็สามารถกดได้ด้วยไม่กี่ปุ่มเท่านั้น ไปดูเลยว่ามีการกดสไตล์ไหนบ้าง

• จอยแบบ C-Classic การบังคับในรูปแบบของ Street fighter ดั้งเดิมของจอยและคีย์บอร์ด โดยมีปุ่มโจมตีแยกเป็น ต่อย 3 ระดับ และเตะ 3 ระดับ ก็ออกท่าต่างจะมีการควงปุ่มแอนะล็อก หรือกดลูกศรทิศทางที่กำหนดเท่านั้นถึงจะออกท่าได้ ซึ่งต้องใช้ความเร็วและการฝึกฝนที่มาก ข้อดีคือความแม่นยำในการออกท่าในแต่ละสถานการณ์ และเป็นจอยที่เลือกท่าได้มากที่สุด
• จอยแบบกึ่งตัวช่วย M-Modern จอยแบบนี้จะแบ่งการโจมตีรวมๆ เป็น 3 ระดับ โดยมีปุ่ม Y หรือ สามเหลี่ยมเป็นท่าพิเศษ แบบที่ไม่ต้องควงจอยก็ปล่อย Special Move ได้แล้ว การกดแบบนี้หากกดทิศทางสักหน่อยก็จะกลายเป็นท่าอื่นๆ ได้ จึงเหมาะกับผู้เล่นมือใหม่ และเก่าที่ขี้เกียจจำปุ่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคนี้เต็มใจนำเสนอ เพราะหากฝึกดีๆ ก็เก่งได้ 
• และแบบที่ง่ายสุดๆ D-Dynamic การควบคุมที่ง่ายสุดๆ ไม่ว่าจะกดปุ่มไหนก็สามารถกลายเป็นท่าพิเศษได้หมด หรือกดย้ำๆ ก็กลายเป็นคอมโบได้ ซึ่งไม่ต้องรู้อะไรเลย เพียงกดมั่วๆ ก็สามารถออกท่าเท่ๆ ได้ เหมาะกับการนำไปเล่นขำๆ กับเพื่อนที่ลองมาเล่นชั่วคราว

ที่มา : Street Fighter 6 [รีวิว/วิธีบังคับ Modern/Classic/Dynamic] [1]

ตัวละครใหม่ที่น่าสนใจ

อย่างที่กล่าวไปว่าเกมนี้ยังใส่ตัวละครจาก DLC ภาคเก่าๆ เข้ามาด้วย รวมถึงตัวใหม่ที่ออกมาพร้อมเกมนี้เลย ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีความน่าสนใจ และท่าสไตล์การต่อสู้ที่ต่างกันออกไป ซึ่งบทความนี้จะยกตัวอย่างตัวละครมาให้ 3 ตัว จะเป็นตัวให้และน่าสนใจอย่างไรบ้างไปดูเลย

• Luke ตัวละครที่เน้นการใช้หมัดเป็นส่วนใหญ่ โดยทุกท่าจะเป็นหมัดหนักหมัดกลางและหนัก เป็นการรวมกับของมวยสากลและการต่อสู้แบบทหารอเมริกัน ก็จะมีท่าปล่อยคลื่นหมัดเป็นความร้อนออกมาเร็ว และมีท่าชาร์จต่อยที่ทำให้ศัตรูกระเด็นขอบจอมาหา Luke เพื่อคอมโบต่อได้
• Kimberly ตัวละครที่เป็นสาวนินจา โดยจะใช้สีสเปรย์ร่วมกับการต่อสู้แบบนินจา ทั้งหายตัวไปมาโดยใช้สีสเปรย์พลาง และการเล่นกับขอบหน้าจอผู้เล่นในการไต่ขอบจอได้ ซึ่งเป็นการออกแบบการต่อสู้ที่น่าสนใจมาก ตัวนี้ยังมีท่าที่ขว้างสเปรย์ระเบิดออกไปได้ 3 ระยะด้วย
• Malisa ตัวละครสาวร่างยักษ์ หุ่นน่าเกรงขามในตัวอย่างก็ซัดกับสิงโตได้เป็นตัว โดยการต่อสู้ของเธอจะเน้นการโจมตีแบบชาร์จ ท่าส่วนมากจึงเป็นการโจมีแบบกึ่ง dive Impact คือกันไม่ได้สวนไม่ได้ ต้อง Parry อย่างเดียว แต่ด้วยความช้าจึงต้องเน้นความหนักแน่นในการชาร์จตีๆ

สรุป เกม street fighter ในภาคล่าสุด ที่เป็นมิตรกับมือใหม่

เกมสไตล์การต่อสู้ที่เล่นมันส์ไม่มีเบื่อด้วยเกมที่ออกมากกว่า 6 ภาคแล้ว ซึ่งภาคล่าสุดนี้ก็เป็นการนำเสนอในเนื้อเรื่องของตัวละครที่เราสร้าง ในโหมด World พร้อมกราฟิกแบบสตรีทอาร์ตที่ดูอลังการ บวกกับเกมเพลย์ที่มีการออกแบบปุ่มบังคับให้มือใหม่สามารถเล่นได้ง่ายๆ 

อ้างอิง

[1] metalbridges. (June 3, 2023). Street Fighter 6 [รีวิว/วิธีบังคับ Modern/Classic/Dynamic]. Retrieved from metalbridges